สุรินทร์ 14 ส.ค. – หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ แม้การปะทะรอบแรกจะไม่มีกระสุนเข้ามาตกในหมู่บ้าน แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ตะเข็บชายแดน ชาวบ้านบางส่วนจึงอพยพออกไปก่อนและยังไม่กล้ากลับเข้าพื้นที่
หลังได้รับการประสานจากหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้แจ้งในไลน์กลุ่มหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เมื่อชาวบ้านเห็นเช่นนั้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุหลายสิบคน ตัดสินใจอพยพออกไปเองโดยไม่รอคำสั่งจากทางการ เพราะไม่อยากอยู่ใกล้แนวปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา แม้การปะทะรอบแรกระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะไม่มีกระสุนเข้ามาตกในหมู่บ้านก็ตาม ส่วนใหญ่ไปพักบ้านญาติ เนื่องจากยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ในส่วนที่ยังไม่อพยพก็เตรียมสัมภาระไว้บนรถ เพื่ออพยพได้อย่างรวดเร็ว และไม่กล้าทิ้งบ้านไปทำธุระไกล เกรงจะอพยพไม่ทันหากเกิดเหตุปะทะกันขึ้นอีก
ชาวบ้านที่อพยพออกไปและยังไม่กลับเข้าพื้นที่ ไม่ได้มีเฉพาะผู้สูงอายุ น้องสองคนนี้ออกมาหลังได้รับข้อความแจ้งเตือนจากผู้ใหญ่บ้าน แต่เนื่องจากขาดรายได้ ไม่ค่อยมีเงินติดตัว จึงอาศัยข้าววัดต่างๆ ประทังชีวิตไปก่อน เพราะไม่มีศูนย์พักพิงชั่วคราวเหมือนช่วงเกิดเหตุปะทะ

ส่วนศพนายบัณฑิต อุ่นจิตร และเด็กชายฐิติวัฒน์ บุญแต่ง ชาวบ้านใน อ.กาบเชิง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดปทุมเมฆ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นเวลา 3 คืน ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พระราชทานพวงมาลา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ รวม 13 พวง โดยหมายกำหนดการพระราชทานดินฝังศพนายบัญฑิต อุ่นจิตร และพระราชทานเพลิงศพเด็กชายฐิติวัฒน์ บุญแต่ง ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ .-สำนักข่าวไทย