คาดราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวหลัง ม.ค. 2561

กรุงเทพฯ 5 ม.ค.-ผู้เชี่ยวชาญเตือนดีเซลเตรียมปรับราคา ส่วนราคาน้ำมันดิบคาดจะลดลงหลัง ม.ค.นี้ 


นายมนูญ ศิริวรรณ  ผู้เชี่ยวชาญพลังงาน ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบ น่าจะอ่อนตัวลงหลังเดือนมกราคมหลังจากที่ วานนี้ ( 5 ม.ค.) ราคาน้ำมันดิบขยับตัวสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยราคาน้ำมันดิบตลาดเวสเท็กซัสต์ สหรัฐ ปิดที่ 62.01 ดอลลาร์สหัฐ/บาร์เรล และตลาดเบรนท์ ปิดที่ 68.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งราคาที่พุ่งขึ้นเนื่องจากปัญหา ไม่สงบทางการเมืองในอิหร่าน ปัญหาอากาศหนาวเย็นในสหรัฐ ประกอบกับ สต็อกน้ำมันในสหรัฐที่ลดลง ส่วนราคาน้ำมันในไทยใน 1-2 สัปดาห์นี้ คงจะขยับขึ้น แต่เนื่องจาก เงินบาทแข็งค่าจึงทำให้ต้นทุนนำเข้าลดลง โดยล่าสุด ค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.20 บาท/ลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ ค่าการตลาดยังอยู่ในระดับ 1.70บาท/ลิตร

“คาดราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ แม้จะขยับขึ้นบ้างแต่ก็ไม่สูงมากนัก เพราะเงินบาทแข็งค่า และราคาน้ำมันดิบก็คงจะลดลง หลังเดือนมกราคม โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงสุด ช่วงนี้เป็นสถานการณ์ชั่วคราว”นายมนูญกล่าว 


ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าสำนักงานข้อมูลสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธ.ค. 60 ปรับลดลงกว่า 7.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 5.7 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มอัตราการกลั่นสูงขึ้น จนล่าสุดแตะระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 เพื่อลดปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ซึ่งมีผลต่อการจ่ายภาษีในช่วงสื้นปี ในขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง และน้ำมันเพื่อทำความร้อนคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 4.8 และ 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

พายุฤดูหนาวที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ จากปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “บอมบ์ ไซโคลน” ได้มุ่งหน้าสู่พื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐฯ (U.S. East Coast) โดยภาวะหนาวเย็นอย่างสุดขั้วสร้างความกังวลต่อตลาดเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนน้ำมันเพื่อทำความร้อนในสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดได้ส่งผลให้น้ำมันทำความร้อนคงคลังในเขตนิว อิงแลนด์ และแอตแลนติกกลางปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 นอกจากนี้ พายุฤดูหนาวอาจส่งผลให้โรงกลั่นในพื้นที่ต้องปิดดำเนินการชั่วคราว 

ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบที่อาจตึงตัวขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในอิหร่านที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 หลังจากเกิดเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอิหร่านตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.  ท่ามกลางความขุ่นเคืองต่อปัญหาเศรษฐกิจและคอร์รัปชั่น-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล