กรุงเทพฯ 14 ก.ค.-กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เผย ครึ่งปีหลังราคาน้ำมันอาจขยับขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจหลายประเทศโดยเฉพาะจีนไม่ได้โตเต็มที่ ขณะอุปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโฮเปก (OPEC) และโอเปกพลัส (OPEC+) ล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ กลับมาจัดเก็บเงินได้อีกครั้ง หลังสงครามอิสราเอล-อิหร่าน คลี่คลาย คาดสถานะกองทุนฯ จะพลิกกลับมาบวกได้ปลายปี เตรียมชงแผนวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่ภายในเดือนนี้
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาน้ำมันเชื้อเพลิงช่วงครึ่งปีหลัง ว่า ไตรมาสสุดท้ายของปี ราคาน้ำมันอาจขยับขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการใช้ในฤดูหนาวในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ขณะเดียวกันก็มีอีก 3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบด้วย ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ อุปทานน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นจากมติเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก (OPEC) และโอเปกพลัส (OPEC+) รวมถึงปัญหาสงคราม ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ในช่วงที่ผ่านมารวมเป็นเวลา 12 วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันดีเซล กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้าไปบริหารจัดการผ่านกลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกในประเทศ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดย กบน. ได้มีมติเร่งด่วน จำนวน 5 ครั้งภายในเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์เพื่อลดผลกระทบ โดยเริ่มจากลดอัตราเงินจัดเก็บของกลุ่มน้ำมันดีเซลจากเดิมจัดเก็บอยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร เป็นการต้องชดเชยอยู่ที่ 0.65 บาทต่อ เพื่อคงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร ทำให้สามารถตรึงราคาหน้าปั๊มน้ำมันไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯประเภทน้ำมันดีเซลติดลบ มีรายจ่ายสูงสุดประมาณวันละ 40.75 ล้านบาทต่อวัน แต่เมื่อสถานการณ์สงคราม เริ่มคลี่คลาย ราคาน้ำมันโลกกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้อีกครั้ง ปัจจุบันกลุ่มน้ำมันดีเซลมีรายรับประมาณวันละ 57.41 ล้านบาท และกลุ่มน้ำมันเบนซิน มีรายรับประมาณวันละ 96.17 ล้านบาท ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ 31,588 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 12,406 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 43,994 ล้านบาท และคาดว่าปลายปีนี้สถนะกองทุนฯ จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน กับกรณีสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน พบว่ามีความแตกต่างในเชิงผลกระทบ และความยืดเยื้ออย่างชัดเจน ซึ่งกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยเพิ่มวิธีการบริหาร และความรอบคอบในการกำหนดมาตรการบริหารกองทุนน้ำมันฯ ในปัจจุบัน และอนาคต กองทุนน้ำมันจึงเห็นว่า ควรจะต้องมีการทบทวนแผนวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาด้านต่างๆ ข้อดีข้อเสีย โดยจะเน้นไปที่เรื่องความเหมาะสมของราคาทั้งในส่วนน้ำมัน และ LPG คาดว่าจะเสนอบอร์ด กบน. ได้ในเดือนนี้
กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ในทะเลแดง และภูมิภาคอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน กระทรวงพลังงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดูแล ได้แก่ คณะกรรมการเตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ (LNG) ซึ่งมี นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นประธาน และมีตน (นายพรชัย จิรกุลไพศาล) ร่วมเป็นกรรมการในชุดนี้ โดยคณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่เตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อรองรับสถานการณ์พลังงานจากวิกฤตในตะวันออกกลาง และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างรอบด้าน.-517.-สำนักข่าวไทย