กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – ราคาน้ำมันไม่ขึ้น หลังรัฐบาลรีดรายได้ ขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล-เบนซิน 1 บาท/ลิตร วันนี้ โดยกองทุนน้ำมันลดการจัดเก็บลง เพื่อให้ไม่กระทบประชาชน เฉือนเนื้อกองทุนฯ ลดลงวันละ 50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.วานนี้ (6 พ.ค.) เห็นชอบเก็บเพิ่มภาษีน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซิน 1 บาทต่อลิตร มีผลแล้วในวันนี้ (7 พ.ค.) เพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันการใช้น้ำมัรกลุ่มเบนซินอยู่ที่ราว 33 ล้านลิตรต่อวัน และกลุ่มดีเซล 69 ล้านลิตร/วัน และเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันถึงประชาชน ราคาหน้าปั๊มวันนี้ ไม่ขยับขึ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทวันนี้ ในอัตราที่ทำให้ราคาน้ำมันไม่ขยับขึ้นจากภาษีที่ขยับขึ้น เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน ลดลงประมาณวันละ 49.57 ล้านบาทต่อวัน จากประมาณวันละ 393.97 ล้านบาทต่อวัน เป็นประมาณวันละ 344.40 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ติดลบอยู่ที่ 47,779 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบอยู่ที่ 2,540 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 45,239 ล้านบาท
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ ได้มอบหมายให้ วิเคราะห์และประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น พบว่ากองทุนน้ำมันฯ สามารถปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2568 อย่างไรก็ตาม หากเกิดสถานการณ์วิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจนส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขาดสภาพคล่อง จะเสนอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาปรับลดภาษีน้ำมันลง เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม
โดย กบน.ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันภายในประเทศ พร้อมยืนยันหลักการดำเนินงานที่ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้”
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีน้ำมัน 1 บาทต่อลิตร ก็เป็นไปตาม ราชกิจจานุเบกษา ประกาศวานนี้ (6 พ.ค.68) ว่า กฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ โดยหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้.-511-สำนักข่าวไทย