ดีเอสไอบุกตรวจค้นบ้านเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ย่านมีนบุรี

หมู่บ้านเบญจรงค์ 13 ต.ค.-ดีเอสไอค้นบ้านผู้บริหาร น.ส.พ.ตำรวจพลเมืองหลอกลวงประชาชนเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ผู้เสียหายกว่าหมื่นคน อายัดทรัพย์กว่าร้อยล้านบาท


 

พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  พร้อมเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นำหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรี  ค.349/2559 ลงวันที่ 12 ต. ค.2559 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 72/98 หมู่บ้านเบญจรงค์ ถ. รามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ  หลังมีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนถูก นายทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดมบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองและผู้บริหารบริษัทดูแลใจ จำกัดหลอกเข้าเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์และอีกหลายโครงการ ผู้เสียหายทั่วประเทศประมาณ 10,000 ราย ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท


 

หลังสอบสวนปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้วกว่า 3,000 คน และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินมีกระแสเงินหมุนเวียนในบัญชีส่วนตัวของแกนนำประมาณ 300 ล้านบาท เบื้องต้นดีเอสไอได้อายัดเงินดังกล่าวไว้แล้ว

 


 

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นการชักชวนให้บุคคลทั่วไปสมัครเข้าร่วมหลายโครงการ โดยมีการเสนอให้ผลตอบแทนกับผู้สมัครสมาชิกว่า หากสมาชิกเสียชีวิตญาติจะได้รับเงินช่วยเหลือและหากชักชวนให้ผู้อื่นเข้าร่วมโครงการจะได้รับผลตอบแทนในการชักชวนต่อหัว อันเข้าลักษณะของการชี้ชวนให้มีการระดมเงินแล้วมีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ชักชวนโดยการนำเงินที่ได้รับมาจากสมาชิกที่สมัครมาจ่ายผลตอบแทน เข้าข่ายการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน  ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ.การฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2547 ซี่งห้ามมิให้ผู้ใดชักชวนหรือชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นเช้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์  โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือเป็นทรัพย์สินอื่นไม่ว่าจะเป็นสินจ้างหรือค่าใช้จ่ายในการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการนั้น

 

ภายหลังตรวจค้น พ.ต.ท. พเยาว์ เปิดเผยว่า วันนี้ยังไม่มีการจับกุมแต่อายัดเงินไว้หลายร้อยล้านบาท การค้นบ้านได้พบนายทรัพย์อานันท์พร้อมภรรยา ในบ้านดังกล่าว บ้านหลังนี้กลับเป็นชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของในการสอบเว้นทางการเงินพบว่า มีการเปิดบริษัท ที่ไม่พบการทำธุรกิจจริง แต่มีการโอนเงินที่มีผู้สมัครสมาชิกหลายร้อยล้านบาทมาเข้าบัญชีบริษัท  และภรรยา เป็นผู้ถ่ายโอนเงินให้

 

สำหรับการค้นวันนี้ดีเอสไอได้หลักฐานทั้งเอกสารและในคอมพิวเตอร์ โดย พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวว่า พยานหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อหาภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งการค้นยังได้บัญชีจำนวนมากที่ต้องขยายผลตรวจเส้นทางการ เงินต่อไป ดีเอสไอขอฝากเตือน ให้ระมัดระวังในการชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่ามีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายการที่ยึดได้วันนี้ ยังมีสมุดบัญชีธนาคารจำนวน103 เล่ม,หลักฐานการซื้อทองคำรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 50 บาท , คอมพิวเตอร์ notebook และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรวม 4 เครื่อง,เอกสารการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะต้องแจกแจงการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว หากไม่สามารถแจกแจงได้จะต้องทำการยึดอายัดทรัพย์ต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นถอดถอนรัฐมนตรี

สว. จ่อยื่นถอดถอน​ “รมต.” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร

สว. ประกาศสงคราม​ เตรียมยื่นถอดถอน​ “รัฐมนตรี” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร พ่วง​ยื่นอภิปราย-แจ้งความ​-เชิญสอบใน​กมธ.​

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท