กรุงเทพฯ 29 ส.ค.- ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ยืนยัน นางสาวยิ่งลักษณ์ยังอยู่ในประเทศหรือไม่ สั่งตรวจสอบหาเส้นทางหลบหนี ขณะที่พันตำรวจเอกวทัญญู ตำรวจอารักขานางสาวยิ่งลักษณ์ เข้าพบรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วเมื่อวานนี้
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดยระบุว่า ได้รับรายงานจากพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งแต่วันแรก ในเรื่องการติดตามตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยจากการตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศผ่านช่องทางปกติ และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ยังอยู่ในประเทศหรือไม่ จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบทุกช่องทางที่อาจเป็นเส้นทางหลบหนี โดยเฉพาะเส้นทางที่บุคคลทางการเมืองมักใช้เป็นช่องทางหลบหนี
สำหรับกรณีปรากฎภาพนางสาวยิ่งลักษณ์ นัดพบคนสนิท 14 คน จากกล้องวงจรปิดโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามอินทราเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา พลตำรวจเอกจักรทิพย์ มองว่าเป็นการนัดพบพูดคุยกันปกติ แต่หากมีเบาะแสว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็จะเรียกเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
ในส่วนของพันตำรวจเอกวทัญญู วิทยผโลทัย ผู้ช่วยนายเวร สัญญาบัตร 4 รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ที่ทำหน้าที่อารักขาและอยู่ใกล้ชิดกับนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับพลตำรวจเอกศรีวราห์รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วเมื่อวานนี้ โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินการติดตามตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ พร้อมยืนยันว่าหนังสือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่อารักขาอดีตนายกรัฐมนตรีของพันตำรวจเอกวทัญญู ถูกต้องตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้มีการเอาผิดกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปได้ โดยยืนยันไม่มีความกังวลกับกรณีดังกล่าวเนื่องจากเชื่อว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ส่วนจะมีการดำเนินคดีกลับหรือไม่นั้น มองว่าไม่มีความจำเป็น เอาเวลาไปสร้างทานบารมีดีกว่า.-สำนักข่าวไทย