ทำเนียบรัฐบาลพ่นยาฆ่าเชื้อ หลังตำรวจติดตาม “อุตตม” ติดเชื้อ

ทำเนียบฯ 19 มี.ค.- ทำเนียบรัฐบาลพ่นยาฆ่าเชื้อตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการทั้ง 5 ชั้น หลังพบตำรวจติดตาม “อุตตม” เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 และได้มาปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เลขาธิการนายกฯ สั่งเจ้าหน้าที่ทั้งในทำเนียบ-หน่วยงานภายนอก ที่มาปฏิวัติงานวันดังกล่าวรายงานตัว และเข้าสู่กระบวนเฝ้าระวัง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ตำรวจติดตามนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  มีผลตรวจปรากฏเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19  นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  ได้สั่งการให้ดำเนินการตามแนวทางที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแนะนำทันที เนื่องจากตำรวจคนดังกล่าว ได้ติดตามนายอุตตมมาปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 มีนาคม 

ทั้งนี้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หัวหน้าส่วนงานที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่ตึกบัญชาการ ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ทั้งจากหน่วยงานภายในทำเนียบรัฐบาล และจากหน่วยงานภายนอกที่เข้ามาปฏิบัติงาน จัดให้มีการรายงานตัว เพื่อให้ได้ข้อมูลบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด หรือสัมผัสกับผู้ป่วย เพื่อแยกกลุ่ม และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงให้หยุดงานไปเฝ้าระวังสังเกตอาการที่บ้าน 14 วัน ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ใช้วิธี self distance ใส่หน้ากาก และใช้เจลแอลกอฮอล์สม่ำเสมอ  หากบุคคลทั้ง 2 กลุ่ม มีอาการให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งหัวหน้างานทันที  และหากมีบุคลากรอื่นๆ ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดนายตำรวจดังกล่าว ให้มารายงานตัว และหยุดทำงานที่บ้าน เฝ้าระวังไข้ เป็นเวลา 14 วัน หากป่วย ให้ส่งโรงพยาบาลเพื่อวินิจฉัยและรักษาทันที


ขณะที่ เจ้าหน้าที่กองโรคระบาด กรมควบคุมโรค จะไปดำเนินการสอบสวน เพื่อค้นหาผู้สัมผัส ผู้อยู่ใกล้ชิด และจากผู้ป่วยที่โรงพยาบาล และจะรีบแจ้งผลมาให้ทราบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทำเนียบรัฐบาล

นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา (18 มี.ค.)  ได้ดำเนินการพ่นยาฆ่าเชื้อ  ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการทั้ง 5 ชั้น และดำเนินการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อสถานที่ทำงานในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงอย่างต่อเนื่องทุกวัน พร้อมจัดระบบคัดกรองไข้ สนับสนุนการใส่หน้ากากทุกคน จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือในทุกจุด ส่วนโรงอาหารใต้ตึกบัญชาการ ได้จัดระเบียบโต๊ะนั่งรับประทานอาหารให้มีระยะห่าง 2 เมตร และมีจุดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ  


ทั้งนี้ ทำเนียบรัฐบาลจะดำเนินการตามมาตรการที่เข้มข้น เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส 19 อย่างต่อเนื่องต่อไป พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการยกระดับการรักษาความปลอดภัย และห้ามมิให้ผู้ติดตามที่ไม่มีหน้าที่ในภารกิจขึ้นตึกบัญชาการ ตึกไทยคู่ฟ้า และสถานที่จัดประชุมในทำเนียบรัฐบาล  .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

เปิดโปง สร้างคดีอุบัติเหตุเป็นฆาตกรรมหวังเงินประกัน

คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ อำพรางเพื่อหวังเงินประกัน 14 ล้านบาท ที่ จ.สกลนคร เมื่อคดีพลิกจากอุบัติเหตุ เป็นการลวงผู้เสียชีวิตไปฆ่า ซึ่งบริษัทประกันภัยพบข้อพิรุธหลายอย่าง จนนำไปสู่การร้องให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีจนจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดพร้อมขยายผลไปถึงเจ้าของสำนวน ความซับซ้อนของคดีนี้เป็นอย่างไร ติดตามจากรายงาน

“บิ๊กอ๊อด” พร้อมสู้คดีชี้แจงทุกเรื่องในชั้นศาล

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย กรณีสมาคมฟุตบอลฯ กับ สยามสปอร์ต ด้าน พล.ต.อ.สมยศ อดีตนายกสมาคมยืนยันพร้อมสู้คดีในชั้นศาล หาก “มาดามแป้ง” ฟ้องเรียกคืน 360 ล้านบาท

สภาฯ หมื่นล้าน ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก

สภาฯ หมื่นล้านแตกอีกแล้ว! รอบนี้ ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก น้ำไหลเจิ่งนองลงมายังอาคารจอดรถชั้นใต้ดินบี 1 ระดมแม่บ้านทำความสะอาด-จัดระเบียบอำนวยความสะดวก จนท.รุดซ่อมแซม

รพ.รามาธิบดี แถลงบุคลากรบาดเจ็บ 1 คน เหตุเพลิงไหม้

รพ.รามาธิบดี แถลงเหตุเพลิงไหม้ ผู้ป่วยทุกคนปลอดภัย มีบุคลากร 1 คน บาดเจ็บสูดเขม่าควัน รักษาตัวอยู่ไอซียู คาดกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์ ด้านอุปนายกวิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเบื้องต้นอาคารยังอยู่ในสภาพปกติ ขณะที่ พฐ. คาดไฟฟ้าลัดวงจร