ปปง.17 ม.ค.-ปปง.ส่งสำนวนคดีทุจริตจำนำข้าว และคดีแชร์คอร์สสัมมนา ให้พนักงานอัยการเพิ่มเติมเพื่อยื่นคำร้องต่อศาล
วันนี้ (17 ม.ค.) พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรม ในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 มีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องเพิ่มเติมให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร กับพวก จำนวน 389 รายการ มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,930,715 บาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน และมีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องเพิ่มเติมให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีบริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่นโฮลดิ้ง จำกัด โดยนายภูดิศ กิตติธราดิลก กับพวก จำนวน 2 รายการ มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 44,000,000 บาท พร้อมดอกผล ไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน (คุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย)
จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า รายคดีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐและนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร กับพวก เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯ และความผิดเกี่ยวกับการยักยอกอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (5) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยในคราวประชุมเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องเพิ่มเติมให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์สำนักงาน) รวมทั้งสิ้นจำนวน 389 รายการ มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,930,715 บาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ ในคดีดังกล่าว สำนักงาน ปปง. ได้มีการสืบสวนขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบัน มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 15 ครั้ง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 16,170 ล้านบาท
สำหรับรายคดีบริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่นโฮลดิ้ง จำกัด โดยนายภูดิศ กิตติธราดิลก กับพวก เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนหรือการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยสำนักงาน ปปง.ได้มีการสืบสวนขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 3 ครั้ง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 63 ล้านบาท
สำนักงาน ปปง. ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ (1)โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นหรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือ (2) กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือ(3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำ ความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารหรือบันทึก ข้อมูล หรือทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.ปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรรมและตัดเส้นทางทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง.จะเน้นการสืบสวนขยายผล เพื่อยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้นและเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเพื่อความสงบสุข ความมั่งคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดิน โดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยกฎหมายฟอกเงิน”
ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง.เพื่อขอเอกสารหรือตรวจค้นบริษัทหรือบ้านพัก โปรดอย่าหลงเชื่อ ขอให้โทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน ปปง. 1710 .-สำนักข่าวไทย