กรุงเทพฯ 28 ส.ค.- องค์การยูเนสโกร่วมประชุมจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษา เเนะใช้ งsoft power’ พัฒนาประเทศ ด้าน รมว.ศึกษาฯ ชี้ไทยไม่มีปัญหาเรื่องสะเต็มศึกษา หนุนผู้หญิงเป็นนักวิทยาศาสตร์
นางอีริน่า โบโกว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก กล่าวปาถกฐาพิเศษเรื่อง “Global challenges and UNESCO’s Power Vision” ในการประชุม “Cracking the code:Girls’Education in STEM”ที่สำนักเลขาธิการคณะกรรมการเเห่งชาติว่าด้วยการศึกษาสหประชาชาติเเละกระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการจัดสะเต็มศึกษาสำหรับทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิง โดยการมาเยือนของนางอีริน่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาตำเเหน่ง พร้อมทั้งปฏิบัติภารกิจเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยเเละองค์การยูเนสโก เเละร่วมกันส่งเสริมบทบาทของไทยในการยกระดับเเละพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการเเห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์เเละวัฒนธรรมเเห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)ให้การต้อนรับ
นางอีริน่า กล่าวว่า ปัจจุบันองค์การยูเนสโกได้พยายามสนับสนุนประเทศต่างๆให้มีเเนวทางพัฒนาประเทศ ซึ่งการพัฒนาต้องควบคู่กับจริยธรรม นั่นคือการใช้ soft power คืออำนาจในการโน้มน้าวจูงใจ โดยใช้การศึกษา วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์เเละวัฒนธรรม เพื่อการเรียนรู้ ตอบสนองความต้องการของยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งสำหรับประเทศไทย ก็มีการใช้soft powerในรูปแบบหนึ่ง ในเเนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงดำเนินการด้านการศึกษาเเละพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเเนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นคือการนำศาสตร์ด้านต่างๆ มารวมกัน จนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ช่วยเหลือประชาชนทุกคนได้ ทำให้เเนวคิดนี้ยังใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัยเเม้ว่าโลกจะเปลี่ยนเเปลงไปก็ตาม
ด้าน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า องค์การยูเนสโกได้สนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้วาระสำคัญอีกอันหนึ่งคือการศึกษาช่วยป้องกันการก่อการร้ายของโลก เเม้ไทยไม่มีสงคราม เเต่การศึกษาก็ช่วยลดความขัดเเย้งได้เป็นอย่างดี ส่วนเรื่องการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษา ที่องค์การยูเนสโกเป็นห่วงเพราะบางประเทศไม่ให้โอกาสผู้หญิงเป็นนักวิทยาศาสตร์ เเต่ประเทศไทยเองไม่มีปัญหานี้ พร้อมทั้งมีหน่วยงานที่ดูเเลเรื่องนี้จำนวนมาก เเละจะมีการเปิดศูนย์สะเต็มศึกษาอย่างเต็มรูปแบบในไทยครั้งเเรกเร็วๆนี้ด้วย .-สำนักข่าวไทย