กรุงเทพฯ 24 ส.ค. – คน กทม.ฝันค้าง ยังไม่ได้ใช้รถเมล์ใหม่ หลังจากวันนี้ 3 บริษัทที่ซื้อซองประกวดราคารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เมื่อพ้นเวลา 11 น.ที่ผ่านมาพบว่าไม่มีบริษัทใดมายื่นซองเสนอราคา รวมถึงบริษัทเบสท์ริน ทำให้การเปิดประมูลรถเมล์รอบนี้ต้องล้มเลิกไปอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 ส.ค.) ตามที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กำหนดให้มีการเปิดรับซองเสนอราคาในโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน โดยเป็นการเปิดรับซองภายในวันเดียวเวลาไม่เกิน 11.00 น. ล่าสุดพบว่าเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวไม่มีเอกชนรายใดมายื่นซองแข่งขัน รวมถึงบริษัท เบสท์ริน ผู้ชนะการประมูลครั้งที่ผ่านมาด้วย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ขสมก.ขายซองประกวดราคาโครงการรถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา 489 คัน ราคากลาง 3,389 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสุดท้ายที่บริษัท เบสริน กรุ๊ป จำกัด เสนอราคาเมื่อวันที่ 7-11 สิงหาคมที่ผ่านมาโดยมีเอกชนซื้อซอง 3 ราย คือ บริษัท ไทย เทคโนโลยี แอนด์ เดเวลอปเมนท์ จำกัด, บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด และ กิจการร่วมค้า เจวีซีซี ที่มี บมจ.ช.ทวี (CHO) ร่วมด้วย
สำหรับราคากลางโครงการดังกล่าวมีวงเงิน รวม 3,389,710,819.50 บาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ งบประมาณการจัดซื้อรถฯ มาจากเงินกู้ วงเงินประมาณ 1,735,549,998 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และงบประมาณการจ้างซ่อมบํารุงรักษารถโดยสารงบดําเนินงานขององค์การที่จะตั้งไวแต่ละปี วงเงินรวมประมาณ 1,654,160,821.50 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า เมื่อไม่มีบริษัทใดเข้าร่วมยื่นซองเสนอราคาครั้งนี้การประมูลคงต้องล้มเลิกไป โดยหลังจากนี้ ขสมก.จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีใหม่อีกครั้ง โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการทีโออาร์และยอมรับว่าอาจจะต้องพิจารณารายละเอียดของทีโออาร์ใหม่หลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องราคากลาง ซึ่งที่ผ่านมามีเอกชนออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการใช้ราคากลางซึ่งเป็นราคาที่เบสท์รินชนะการประมูลก่อนหน้านี้เป็นราคาต่ำเกินไปและไม่มีเอกชนรายใดสามารถเข้ามาประมูลดำเนินการจัดซื้อได้ ซึ่งบอร์ด ขสมก.จะต้องมีการพิจารณาปรับราคากลางให้สูงขึ้น เพื่อจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมประมูลครั้งต่อไป
ส่วนกรอบเวลาดำเนินการ คาดว่าหากมีการเร่งรัดจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน โดย ขสมก.ยังคาดหวังว่าหากมีการเร่งรัดการจัดซื้อจริงจังก็จะยังสามารถจัดซื้อรถได้บางส่วนเข้ามาวิ่งให้บริการภายในปีนี้ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ด้านนายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวยอมรับว่า ได้รับรายงานการล้มประมูลจาก ขสมก. แล้ว และจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเข้าใจ เนื่องจากการประมูลของหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏหมายและระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง หากไม่มีเอกชนเข้าร่วมประมูลการประมูลก็ต้องล้มเลิกไป.-สำนักข่าวไทย