สำนักข่าวไทย 20 ก.ค.-พศ.เผย คดีเณรคำจบกระบวน การทางสงฆ์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ที่ยอมสะผ้าเหลือง ไม่มีสิทธิกลับมาบวชได้อีกตลอดชีวิต เพราะปาราชิกถือเป็นโทษร้ายแรง หากพบบวชใหม่มีความผิดตามพ.ร.บ.สงฆ์
พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)กล่าวถึงคดีของนายวิรพล สุขผล หรือเณรคำ อดีตประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ผู้ต้องหาในคดีพิเศษ จบกระบวนการทางสงฆ์ หรือจบกระบวนการประสานงานของ พศ.แล้ว หลังจากเมื่อคืน พศ.ได้ส่งนายณัฐกิตติ์ ไชยวรรณารัตน์ นักวิชการชำนาญการ ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(พศ.)ไปร่วมประสานงานกับดีเอสไอ และอ่านคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ(ธรรมยุติ) ฉบับที่4/2556 เรื่องการปรับอาบัติปาราชิก พระวิรพล ฉตฺติโก ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม อาศัยอำนาจการปกครองตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 26 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่2 พ.ศ.2535 มีคำสั่งให้พระวิรพล กล่าวคืนสิกขาเลิกปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะทันที ถือว่าพ้นจากการเป็นพระตามกฎหมาย โดยเมื่อคืนนี้ เณรคำยอมสละผ้าเหลือง ถือขาดจากความเป็นพระแล้ว และจบกระบวนการของพศ.เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พศ.ได้ประสานงานไปยังพระสังฆาธิการ ได้รับแจ้งว่า คดีของเณรคำ ได้จบกระบวนการทางสงฆ์ไปตั้งแต่คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ปรับอาบัติปาราชิกเมื่อปี2556 แล้ว จึงไม่ขอมาร่วมประสานงานกับทางดีเอสไอ เมื่อเณรคำถูกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จากสหรัฐอเมริกา เดินทางกลับมายังประเทศไทย
ด้านนายณัฐกิตต์ ไชยวรรณารัตน์ เจ้าหน้าที่ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่เดินทางไปร่วมประสานงานกับดีเอสไอและอ่านคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า หลังเณรคำสละผ้าเหลือง รับทราบคำสั่งอาบัติปาราชิกแล้ว เมื่อคืนนี้แล้ว ถือว่าสิ้นสุดจากความเป็นพระตามกฎหมาย และไม่มีสิทธิกลับมาบวชได้อีก ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์และมีความผิดในมาตรา 208ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการอาบัติปาราชิก ถือเป็นโทษร้ายแรงไม่สามารถกลับมาบวชได้อีกตลอดชีวิต หากพระอุปัชฌาย์บวชให้ ถือว่ามีความผิดด้วย โดยเมื่อคืนพศ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมประสานงานทั้งหมด 4 คน .-สำนักข่าวไทย