กรุงเทพฯ 3 พ.ย. – สมอ.คาดก่อสร้างสนามทดสอบยางล้อเสร็จปี 60 และเปิดให้บริการปี 63 พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกร เร่งกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางพารา เพื่อนำยางธรรมชาติมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น หวังแก้ปัญหาราคายางพารา
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยางพาราตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสร็จแล้ว ทำให้มี มอก.ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยางพาราถึง 150 มาตรฐาน ครอบคุลมผลิตภัณฑ์ยางพารามากกว่าร้อยละ 95 และได้อนุมัติให้ มอก.ยางล้อ 4 มาตรฐาน เป็น มอก.บังคับ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สมอ.ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการผลิตภัณฑ์ยางพาราให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตาม มอก. โดยพัฒนาชุมชนสหกรณ์กองทุนสวนยางสตูลจนได้รับใบอนุญาต มอก.แผ่นยางปูพื้นรายแรก เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2559 เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้มากกว่า 7 ล้านบาท ให้กับชุมชนและกำลังจะขยายผลไปยังสหกรณ์อื่น ได้แก่ มอก. แผ่นยางปูพื้นสนามฟุตซอล 2 ราย และ มอก.ฟองน้ำลาเท็กซ์สำหรับทำหมอน 3 ราย ทำให้ราคายางมีเสถียรภาพมากขึ้นนำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
สำหรับโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะนี้ สมอ.ออกแบบร่วมกับที่ปรึกษาโครงการจัดทำแผนหลักและออกแบบการใช้พื้นที่ในภาพรวมทั้งโครงการ (Master Plan & Layout) ออกแบบสนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 ออกแบบอาคารสำนักงานและห้องทดสอบ
นายพิสิฐ รังสฤษฏ์วุฒิกุล เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ สมอ. จะจัดสัมมนา เรื่องการจัดทำแผนหลักและออกแบบการใช้พื้นที่ในภาพรวมทั้งโครงการ ณ โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมีส่วนร่วมและให้ข้อคิดเห็นในเรื่องรูปแบบและการจัดวางตำแหน่งอาคารสำนักงานห้องปฏิบัติการทดสอบ สนามทดสอบแต่ละสนาม ระบบการจราจรภายในและรายละเอียดอื่น ๆ เพื่อนำข้อคิดเห็นมาพิจารณาจัดทำแผนหลักโครงการให้เป็นไปตามหลักสากล เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อนำไปออกแบบและดำเนินการก่อสร้างต่อไป ทั้งนี้จะดำเนินการออกแบบเสร็จภายในปี 2559 และจะเริ่มก่อสร้างสนามทดสอบยางล้อ R117 อาคารสำนักงานและห้องทดสอบปี 2560 และจะดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการปี 2563 ซึ่งจะดึงดูดผู้ประกอบการและนักลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ชิ้นส่วนยานยนต์และยางล้อจากทั่วทุกภูมิภาคสู่ประเทศไทยและจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยพัฒนาและการสร้างนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป.-สำนักข่าวไทย