10 ก.ย. – เหตุสลด จนท.สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งถูกสิงโตรุมขย้ำจนเสียชีวิต ขณะลงจากรถ ทางสวนสัตว์เร่งหาสาเหตุลงไปทำไม ทั้งที่เจ้าตัวทราบกฎของสวนสัตว์ดีอยู่แล้ว

นักท่องเที่ยวอินเดียบันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตตัวแรกเข้ามากัดจากทางด้านหลัง แล้วลากไปให้เพื่อนสิงโตอีก 4 ตัว รุมขย้ำ โดยในคลิปเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดิ้นขัดขืน และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนนอนแน่นิ่งและถูกรุมกัดจนเสียชีวิต
ขณะที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์สิงโตรุมขย้ำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์ และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างนอกรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้าเข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร
จากนั้นประมาณ 3 นาที มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาข้างหลัง ก่อนตะครุบเข้าทางด้านหลังเจ้าหน้าที่ทันที โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้นสิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัด ตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแค่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่นที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10-15 นาที ถึงมีเจ้าหน้าที่คนอื่นขับรถเข้ามาให้การช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงกล้าลงมายืนข้างล่างคนเดียว ไม่มีสติ มีอาการคล้ายเหม่อลอย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการถูกสิงโตทำร้าย ตนจึงเสนอว่า ควรให้แพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจหายา ปริมาณแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดภายในเลือดของเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว และนายยุทธนา พิทักษ์ทา ผู้จัดการสวนสัตว์ เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่า เจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต อายุ 58 ปี ทำงานที่นี่มาเกือบ 30 ปี อยู่ในส่วนดูแลความปลอดภัยในสวนเสือและสิงโต


นายยุทธนา เปิดเผยว่า ปกติในส่วนจัดแสดงเสือและสิงโต จะมีเจ้าหน้าที่ผลัดละ 2 นาย แต่ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่บัดดี้ออกมาทำธุระ จึงไม่ทันเห็นเหตุการณ์และไม่ได้เข้าช่วยเหลือ ส่วนเจ้าตัวลงจากรถไปทำอะไร ไม่มีใครตอบได้
ที่ผ่านมากฎของทางสวนสัตว์ คือ ห้ามเจ้าหน้าที่เปิดกระจก หรือลงจากรถโดยเด็ดขาด หากเกิดเหตุการณ์ให้บีบแตร หรือขับรถออกมาจากจุดนั้นทันที ยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตไม่ใช่เจ้าหน้าที่ให้อาหาร และสิงโตไม่ได้หิว แต่ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่า จึงพยายามกำชับให้ทุกคนไม่ประมาท โดยทางสวนสัตว์มีมาตรการเยียวยาดูแลครอบครัวตามกฎระเบียบของทางบริษัท
ขณะที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์รายหนึ่ง ซึ่งสนิทสนมกับผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สิงโตมีความดุร้าย แต่ปกติจะกลัวเจ้าหน้าที่ ตนรู้สึกตกใจเมื่อทราบข่าว เพราะผู้ตายทำงานอยู่กับเสือและสิงโตมานาน ถือว่าเป็นคนที่มีความคุ้นชินกับสิงโตมากที่สุดคนหนึ่ง
และนี่เป็นคลิปที่ผู้ตายถ่ายไว้ เป็นบรรยากาศในพื้นที่อาศัยของสิงโต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่จะจอดรถ และนั่งอยู่ในรถนิ่งๆ เท่านั้น
ด้านนายสดุดี พันธุ์ภักดี ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาไซเตส เดินทางมายังสวนสัตว์ที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ลงมาตรวจสอบสวนสัตว์ดังกล่าวเป็นประจำในแต่ละเดือนอยู่แล้ว ทั้งตรวจสอบสิงโตที่มีจำนวนทั้งสิ้น 32 ตัว สถานที่เลี้ยง และตัวเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยได้รับแจ้งเหตุสิงโตทำร้ายคน
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า สวนสัตว์แห่งนี้ขออนุญาตเปิดกิจกรรมสวนสัตว์ตามกฎหมาย โดยแจ้งครอบครองสิงโตหลายตัว แต่จะต้องตรวจสอบโดยละเอียดว่า แจ้งถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ มีการใช้ความรุนแรงต่อสัตว์หรือไม่ ตลอดจนขั้นตอนปฏิบัติต้องรอบคอบ หรือมีจุดอ่อนและจุดหละหลวมด้านใด จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าว
สำหรับจำนวนสิงโตในการครอบครองของสวนสัตว์แห่งนี้ ที่แจ้งต่อกรมอุทยานฯ ในปี 2567 มี 45 ตัว ล่าสุดแจ้งว่า เหลือ 32 ตัว ตาย 13 ตัว โดยเจ้าหน้าที่กอง CITES กำลังเร่งตรวจสอบประเด็นต่างๆ ทั้งหมด และต้องตรวจสอบอีกว่า ตายไป 13 ตัว จริงหรือไม่
ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านรามอินทรา น.ส.รัตนา อายุ 51 ปี น้องสาวคนเล็กของผู้ตาย เล่าทั้งน้ำตาว่า พี่ชายทำงานที่สวนสัตว์นานหลายปี ตั้งแต่หนุ่มจนใกล้จะเกษียณอายุแล้ว พี่ชายเคยเล่าว่า งานที่ทำค่อนข้างเสี่ยงอันตราย ต้องคอยไล่เสือเข้ากรง คนในครอบครัวทุกคนก็เป็นห่วง บอกให้ระมัดระวัง อย่าลงจากรถ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ พี่ชายเหมือนเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลทุกคน
ขณะที่ทางสวนสัตว์ฯ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมจะให้การดูแลและสนับสนุนครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างสุดความสามารถ
สำหรับบรรยากาศที่สวนสัตว์ดังกล่าว พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมตามปกติ โดยทางสวนสัตว์ยังคงเปิดให้บริการทั้ง 2 โซน มีเพียงโซนสิงโตที่ปิดให้บริการ. – สำนักข่าวไทย