อังกฤษจะส่งขีปนาวุธอีก 6,000 ลูกให้ยูเครน

ลอนดอน 24 มี.ค. – อังกฤษจะส่งขีปนาวุธให้ยูเครนเพิ่มอีก 6,000 ลูก และมอบเงินสนับสนุนราว 30 ล้านปอนด์ (1,300 ล้านบาท) ให้บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี และกองทัพยูเครน เพื่อนำไปใช้ในการรายงานข่าวเกาะติดสถานการณ์ในยูเครนและช่วยเหลือทหารและนักบินยูเครน ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยเมื่อวันพุธว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ จะประกาศการสนับสนุนครั้งใหม่ให้แก่ยูเครนภายในงานประชุมของประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 ที่จะจัดขึ้นในวันนี้ ทั้งยังส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะสนับสนุนขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศของยูเครนต่อไป นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวว่า อังกฤษจะประสานงานกับชาติพันธมิตรเพื่อยกระดับการสนับสนุนด้านการทหารและเศรษฐกิจให้แก่ยูเครน รวมถึงการส่งเสริมด้านการป้องกันประเทศในขณะที่ยูเครนสามารถต้านทานการบุกโจมตีอย่างหนักหน่วงของรัสเซียได้อย่างไม่น่าเชื่อ ประชาคมระหว่างประเทศต้องเผชิญกับทางเลือกหลังเกิดวิกฤตการณ์ในยูเครนครบ 1 เดือน นั่นคือ ทุกคนจะช่วยกันรักษาเสรีภาพของยูเครนไว้ หรือเสี่ยงให้ยูเครนถูกถล่มจนย่อยยับไปกับตา สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อังกฤษจะส่งขีปนาวุธเพิ่มอีก 6,000 ลูก และมอบเงินสนับสนุน 25 ล้านปอนด์ (1,100 ล้านบาท) ให้แก่กองทัพยูเครน รวมถึงมอบเงิน 4.1 ล้านปอนด์ (182 ล้านบาท) ให้แก่บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส ในการสนับสนุนการรายงานข่าวภาคภาษายูเครนและรัสเซียเพื่อป้องกันปัญหาการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร […]

สหรัฐ-อังกฤษประกาศแบนน้ำมันจากรัสเซียแล้ว

วอชิงตัน 9 มี.ค. – สหรัฐกับอังกฤษประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียแล้ว ขณะที่สหภาพยุโรป หรืออียู ประกาศจะค่อย ๆ ยุติการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการยกระดับการใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ของชาติตะวันตกเพื่อตอบโต้รัสเซียที่นำกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะหยุดนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานของรัสเซีย ซึ่งหมายความว่าท่าเรือของสหรัฐจะไม่ต้อนรับเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียอีกต่อไป เขายอมรับว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศ แต่การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ได้หารืออย่างใกล้ชิดกับชาติพันธมิตร ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ก็ได้ประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยยอมรับว่ามาตรการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อรัสเซียในทันที แต่จะสร้างแรงกดดันและผลกระทบรุนแรงทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างแน่นอน ทั้งนี้ สหรัฐนำเข้าน้ำมันและน้ำมันกลั่นราวร้อยละ 8 จากรัสเซีย ส่วนอังกฤษนำเข้าน้ำมันร้อยละ 6 จากรัสเซีย อย่างไรก็ดี อียูยังไม่ได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานของรัสเซียในทันที เนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้าด้านพลังงานส่วนใหญ่จากรัสเซีย แต่คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของอียู ระบุว่า อียูจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปนำเข้าพลังงานจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหม่และขยายการใช้พลังงานสะอาดให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อทดแทนปริมาณน้ำมันที่ขาดหายไป เพื่อตั้งเป้าให้อียูไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานฟอสซิลจากรัสเซียภายในปี 2573.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำโลกประณามรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน

เคียฟ 4 มี.ค. – ผู้นำทั่วโลกประณามกองทัพรัสเซียที่ก่อเหตุโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย (Zaporizhzhia) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครน โดยหวั่นเกรงว่าเหตุดังกล่าวอาจทำให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของทวีปยุโรป นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุว่า การโจมตีที่ไม่ยั้งคิดของรัสเซียอาจเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของทวีปยุโรป เขาจะเปิดการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าวในวันนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เรียกร้องให้รัสเซียยุติกิจกรรมทางทหารบริเวณโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ส่วนนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา กล่าวว่า รัสเซียต้องหยุดการโจมตีดังกล่าวในทันที ทั้งนี้ ผู้นำของอังกฤษ สหรัฐ และแคนาดาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เกี่ยวกับเหตุโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว ด้านผู้นำยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าพยายามใช้วิธีก่อการร้ายนิวเคลียร์และต้องการทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ‘เชอร์โนบิล’ เมื่อปี 2529 ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย เผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารฝึกอบรมนอกเขตพื้นที่โรงไฟฟ้าหลังถูกกองทัพรัสเซียโจมตี แต่ขณะนี้สามารถดับเพลิงได้แล้ว และได้เปิดใช้งานเตาปฏิกรณ์อยู่เพียง 1 เครื่องจากทั้งหมด 6 เครื่อง ส่วนทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศของสหประชาชาติระบุว่า เพลิงไหม้ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเครื่องมือหรืออุปกรณ์สำคัญของโรงไฟฟ้า และระดับการแผ่รังสีในพื้นที่ดังกล่าวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง. -สำนักข่าวไทย

อังกฤษจะยกเลิกมาตรการคุมโควิดทั้งหมด 24 ก.พ. นี้

ลอนดอน 22 ก.พ. – อังกฤษจะยกเลิกการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทั้งหมดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และจะหยุดให้บริการตรวจหาเชื้อโควิดฟรีตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ แจ้งกับ ส.ส. ในรัฐสภาอังกฤษว่า รัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งกักตัวผู้ป่วยติดเชื้อโควิด เนื่องจากต้องการเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด และจะยกเลิกการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทั้งหมดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ รวมถึงยกเลิกบริการตรวจหาเชื้อโควิดฟรีตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป ยกเว้นประชาชนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อสูง อย่างไรก็ดี สมาคมแพทย์แห่งอังกฤษระบุว่า แผนยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิดของรัฐบาลไม่สามารถปกป้องประชาชนกลุ่มเสี่ยงจากโรคโควิด ขณะที่ฝ่ายค้านอังกฤษมองว่า รัฐบาลรีบใช้แผนดังกล่าวรวดเร็วจนเกินไป และรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการยกเลิกบริการตรวจหาเชื้อโควิดฟรี ส่วน ศ.เซอร์ คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลควรยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ยกเลิกมาตรการทั้งหมดในทันที ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูงมาก สำนักงานสถิติแห่งชาติประเมินเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า อังกฤษมีคนติดเชื้อ 1 คนต่อประชากร 20 คน ขณะนี้อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 18.6 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 160,000 คน. -สำนักข่าวไทย

อังกฤษจะคว่ำบาตรรัสเซียหลัง “ปูติน” รับรองรัฐอิสระยูเครน

ลอนดอน 22 ก.พ. – รัฐบาลอังกฤษระบุว่า จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ตัดสินใจลงนามรับรองภูมิภาคที่แยกตัวจากยูเครนของกลุ่มกบฏทางตะวันออกของยูเครนให้เป็นรัฐอิสระ นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษ ยืนยันว่า อังกฤษจะประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในวันนี้ เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและโจมตีอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ขณะที่พันธมิตรชาติตะวันตก เช่น สหรัฐ ฝรั่งเศส และสหภาพยุโรป ต่างออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกันกับอังกฤษ โดยตำหนิการกระทำของประธานาธิบดีปูตินและยืนยันว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเช่นกัน ด้านบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี คาดการณ์ว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างข้อจำกัดต่อบุคคลและองค์กรที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซีย การลงนามรับรองภูมิภาคที่แยกตัวจากยูเครนของกลุ่มกบฏทางตะวันออกของยูเครนให้เป็นรัฐอิสระของประธานาธิบดีปูตินมีขึ้นก่อนที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ จะเป็นประธานจัดประชุมคณะทำงานตอบโต้ภาวะฉุกเฉินในเวลา 06.30 น. ของวันนี้ตามเวลาในอังกฤษ หรือตรงกับเวลา 13.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โฆษกทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดในยูเครนและการรับมือต่อสถานการณ์ในยูเครนของอังกฤษ เช่น การลงมติคว่ำบาตรรัสเซียในทันที. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ อังกฤษจ่อประกาศยกเลิกมาตรการคุมโควิดวันนี้

ลอนดอน 21 ก.พ. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เตรียมประกาศยกเลิกการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศวันนี้ และเน้นย้ำว่าถึงเวลาที่อังกฤษต้องเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจาก ส.ส. พรรคฝ่ายค้านและผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก นายกรัฐมนตรีจอห์นสันระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษว่า วันนี้เป็นวันที่อังกฤษจะเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด และถือเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจหลังจากที่ทุกคนได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์อังกฤษ แม้การระบาดของโรคโควิดจะยังไม่สิ้นสุด แต่โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ประสบผลสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมได้ทำให้ทุกคนเข้าใกล้การกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีอิสระดังเดิมเหมือนในช่วงก่อนการระบาด โดยที่ทุกคนจะต้องระมัดระวังตนเองและไม่ปล่อยให้การ์ดตก แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า รัฐบาลอังกฤษจะเดินหน้าใช้ยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิดด้วยการยกเลิกข้อจำกัดทางกฎหมายที่สั่งให้ประชาชนกักตัวหลังมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกภายในสัปดาห์นี้ ทั้งยังระบุว่า รัฐบาลจะให้ทางการท้องถิ่นทำหน้าที่ควบคุมการระบาดของโรคโควิดต่อไป และคาดว่าจะยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิดฟรีให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่อังกฤษเผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิดมาเป็นเวลา 2 ปี และสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเพิ่งระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงติดเชื้อโควิด ในขณะเดียวกัน สมาพันธ์แห่งสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ หรือเอ็นเอชเอส ระบุว่า ผลสำรวจความเห็นภายในของเอ็นเอชเอสชี้ว่า สมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งยกเลิกกักตัวและการตรวจหาเชื้อโควิดฟรี ขณะที่นายเดวิด นาบาร์โร ทูตพิเศษเกี่ยวกับโรคโควิดขององค์การอนามัยโลกมองว่า คำสั่งยกเลิกกักตัวเป็นแนวทางที่ไม่เหมาะสมในการรับมือกับโรคโควิด ขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 18.6 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 160,000 คน. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ อังกฤษเผยรัสเซียจะทำสงครามครั้งใหญ่ที่สุด

ลอนดอน 20 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษอ้างว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่า รัสเซียกำลังวางแผนจะทำสงครามในยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2488 นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ซึ่งอยู่ระหว่างประชุมความมั่นคงประจำปีกับผู้นำโลกที่เมืองมิวนิกของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ที่จะออกอากาศในเวลา 09:00 น.วันนี้ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 16:00 น.วันนี้ตามเวลาในไทยว่า สัญญาณทุกอย่างบ่งชี้ว่าแผนการของรัสเซียได้เริ่มขึ้นแล้ว ข่าวกรองชี้ว่า รัสเซียจะล้อมกรอบกรุงเคียฟของยูเครน ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตอย่างมากมายติดตามมา นอกจากนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐยังได้แจ้งกับผู้นำชาติตะวันตกว่า มีข่าวกรองชี้ว่า กองกำลังรัสเซียไม่เพียงวางแผนจะบุกยูเครนจากทางฝั่งตะวันออกผ่านภูมิภาคดอนบาสเท่านั้น แต่ยังจะบุกลงมาจากเบลารุสและพื้นที่รอบกรุงเคียฟด้วย แผนการของรัสเซียจะเป็นสงครามในยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เพียงจะทำให้ชาวยูเครนต้องสูญเสียชีวิต แต่ยังจะทำให้คนหนุ่มสาวชาวรัสเซียต้องล้มตายด้วย.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำสหรัฐ-อังกฤษยังหวังใช้การทูตยุติวิกฤตยูเครน

วอชิงตัน 15 ก.พ.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐและนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษเห็นตรงกันว่า ยังไม่หมดหวังเรื่องจะมีหนทางทางการทูตแก้ไขวิกฤตยูเครน แต่เตือนว่าสถานการณ์ยังคงเปราะบาง สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่า ในการสนทนาทางโทรศัพท์นาน 40 นาที ผู้นำอังกฤษและสหรัฐได้แลกเปลี่ยนผลการหารือเมื่อไม่นานมานี้กับผู้นำชาติอื่น ๆ และเห็นตรงกันว่ายังคงมีโอกาสที่จะมีข้อตกลงทางการทูต และโอกาสให้รัสเซียได้ก้าวถอยหลังจากการคุกคามยูเครน ผู้นำทั้งสองย้ำว่า การรุกรานยูเครนจะทำให้รัสเซียเผชิญกับวิกฤตยืดเยื้อ เป็นความเสียหายที่แผ่ขยายไปทั่วทั้งต่อรัสเซียและประชาคมโลก นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวว่า อังกฤษพร้อมทำทุกอย่างที่จะสามารถช่วยได้ ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวตอบว่า สหรัฐจะไม่เดินหน้าโดยไม่มีอังกฤษ คาดว่าผู้นำอังกฤษจะเรียกประชุมพิเศษในวันนี้เพื่อหารือท่าทีของอังกฤษต่อไป ด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวในวันเดียวกันว่า ยังมีความเป็นไปได้อยู่อีกมากที่รัสเซียจะบรรลุข้อตกลงกับชาติตะวันตก ขณะที่หลายประเทศได้ขอให้พลเรือนเดินทางออกจากยูเครนโดยทันที หลังจากสหรัฐระบุว่า อาจมีการทิ้งระเบิดทางอากาศเกิดขึ้นได้ทุกเวลา.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษอาจยกเลิกข้อกำหนดกักตัวโควิดในเดือนนี้

ลอนดอน 10 ก.พ. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เผยว่า อังกฤษอาจยกเลิกการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เหลืออยู่ในตอนนี้ทั้งหมด รวมถึง ข้อกำหนดการแยกกักตัวเองของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดเกือบ 1 เดือนจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 24 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวในช่วงตอบข้อซักถามในรัฐสภาอังกฤษว่า เขาตั้งใจที่จะเสนอแผนงานตามยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด ข้อมูลและแนวโน้มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดของอังกฤษในปัจจุบันกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เขาจึงคาดหวังจะสามารถยกเลิกการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิดในประเทศ เช่น ข้อกำหนดแยกกักตัวผู้ที่มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวก ก่อนกำหนด 1 เดือนจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 24 มีนาคม ขณะที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า ข้อบังคับดังกล่าวจะได้รับการแทนที่ด้วยการประกาศคำแนะนำต่าง ๆ เช่น การแนะนำประชาชนไม่ให้ไปทำงานหากมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวก บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า อังกฤษได้ผ่อนคลายข้อกำหนดควบคุมโรคโควิดให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ โดยนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดอีกต่อไป ส่วนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฉีดวัคซีนจะไม่ต้องแยกกักตัว แต่จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด ขณะนี้ อังกฤษมีแนวโน้มพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เมื่อวันพุธ 68,214 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 18 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 158,000 คน.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำอังกฤษจะปรับปรุงตัวหลังรายงานชี้ขาดภาวะผู้นำ

ลอนดอน 1 ก.พ. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าวขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงการทำงานที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี หลังรายงานของนางซู เกรย์ ข้าราชการพลเรือนอาวุโสของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน ชี้ว่า ทำเนียบนายกรัฐมนตรีไม่ควรจัดงานเลี้ยงที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นความล้มเหลวด้านภาวะผู้นำครั้งใหญ่ของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจอห์นสันได้ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวที่รัฐสภาอังกฤษเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นหลังมีการเปิดเผยรายงานของนางเกรย์ โดยผู้นำอังกฤษได้กล่าวคำขอโทษอีกครั้งและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงการทำงานที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี เขายังสัญญาว่าจะปรับปรุงการมีส่วนร่วมเพื่อเอาชนะใจสมาชิกในพรรคบางคนที่มีความคิดขับไล่เขาออกจากตำแหน่งเช่นกัน ขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุก่อนหน้านี้ว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันไม่เชื่อว่าการจัดงานเลี้ยงดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งตามเสียงเรียกร้อง ในขณะเดียวกัน รายงานของนางเกรย์เกี่ยวกับการที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษจัดงานเลี้ยงในช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า การจัดงานดังกล่าวเป็นความล้มเหลวด้านภาวะผู้นำครั้งใหญ่ของรัฐบาลอังกฤษ นางเกรย์ยังกล่าวตำหนิว่าพฤติกรรมบางอย่างของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษว่าเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินไปถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม เธอกล่าวด้วยว่า งานบางงานไม่ควรได้รับอนุญาตให้จัดเลย และบางงานไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดอย่างที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี นางเกรย์ระบุว่า เธอเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงได้เพียง 4 งานจากทั้งหมด 16 งาน เนื่องจากมีข้อวิตกกังวลที่อาจส่งผลต่อการสืบสวนของตำรวจอังกฤษในขณะนี้. -สำนักข่าวไทย

ผู้นำอังกฤษยืนยันไม่ได้โกหกเรื่องจัดเลี้ยงช่วงล็อกดาวน์

ลอนดอน 19 ม.ค. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของนายโดมินิก คัมมิงส์ อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาที่ระบุว่า เขากล่าวเท็จต่อรัฐสภาอังกฤษเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในสวนของบ้านพักนายกรัฐมนตรีในช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์ นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่มีใครแจ้งเขาว่าการจัดงานเลี้ยงดังกล่าวเป็นการละเมิดข้อกำหนด ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 หรือไม่ได้เป็นงานเลี้ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เขายังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ว่า ต้องรอผลการตรวจสอบภายในจากนางซู เกรย์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับอาวุโสของรัฐบาลอังกฤษ นอกจากนี้ ผู้นำอังกฤษยังได้กล่าวขอโทษอย่างจริงใจอีกครั้งต่อประชาชนอังกฤษจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจบริหารของเขา ก่อนหน้านี้ นายคัมมิงส์ออกมาเปิดโปงผ่านบล็อกส่วนตัวว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันรู้ตัวดีว่างานเลี้ยงดังกล่าวมีการดื่มสุราเพราะได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าให้นำเครื่องดื่มมาเอง และไม่สนใจคำเตือนของเขาว่า การจัดงานนี้ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังกล่าวหาผู้นำอังกฤษกล่าวเท็จต่อรัฐสภาอังกฤษเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ไปร่วมงานเลี้ยงที่สวนในบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ซึ่งเป็นบ้านพักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนักและอยู่ในงานเพียง 25 นาทีเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

แฉนายกฯ อังกฤษไม่สนคำเตือนจัดเลี้ยงช่วงล็อกดาวน์

ลอนดอน 18 ม.ค.- นายโดมินิก คัมมิงส์ อดีตหัวหน้าที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ เผยว่า นายจอห์นสันไม่สนใจคำเตือนเรื่องจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในสวนของบ้านพักนายกรัฐมนตรีช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์ นายคัมมิงส์ วัย 50 ปี ดำรงตำแหน่งระหว่างเดือนกรกฎาคม 2562-พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดเลี้ยง เขาเขียนในบล็อกส่วนตัวว่า นายกรัฐมนตรีรู้ตัวดีว่าอยู่ในงานเลี้ยงที่มีการดื่มเพราะได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีการดื่มสังสรรค์ อีกทั้งยังไม่สนใจเมื่อเขาเตือนว่า การจัดงานจะฝ่าฝืนระเบียบจำกัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่หลายคนเป็นพยานให้เขาได้ นายคัมมิงส์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีโกหกที่ให้การต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ไปร่วมงานเลี้ยงที่สวนในบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ซึ่งเป็นบ้านพักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนักและอยู่ในงานเพียง 25 นาทีเท่านั้น อดีตหัวหน้าที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีจอห์นสันเผยด้วยว่า เลขาส่วนตัวของนายจอห์นสันส่งอีเมลเชิญเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คนให้มาร่วม “งานเลี้ยงเครื่องดื่มที่มีการรักษาระยะห่าง” ในสวนบ้านเลขที่ 10 แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งตอบกลับว่า เป็นคำเชิญที่ฝ่าฝืนระเบียบโควิด เลขาส่วนตัวไม่ยอมฟังคำท้วงติง และอ้างว่าจะเรียนถามนายกรัฐมนตรีเองว่าอยากให้จัดต่อไปหรือไม่ จึงมั่นใจได้ว่านายกรัฐมนตรีรับทราบเรื่องนี้ ด้านโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรียืนยันว่า การอ้างว่านายกรัฐมนตรีได้รับคำเตือนเรื่องจัดงานเลี้ยงไม่เป็นความจริง เพราะนายกรัฐมนตรีได้ให้การไปแล้วว่า เชื่อว่าเป็นการจัดเลี้ยงเรื่องงานเท่านั้น โดยได้ขอโทษต่อสภาผู้แทนราษฎรและรับปากจะแถลงรายละเอียดทันทีที่การสอบสวนเสร็จสิ้น.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 6
...