สส.รัฐบาลอังกฤษกดดันนายกฯ เรื่องจัดเลี้ยงช่วงล็อกดาวน์

ลอนดอน 16 ม.ค.- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครัฐบาลอังกฤษเดินหน้ากดดันนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันให้แสดงความรับผิดชอบ กรณีมีข่าวจัดงานเลี้ยงในทำเนียบนายกรัฐมนตรีหลายครั้ง ทั้งที่ประเทศอยู่ในช่วงจำกัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สส.แอนดรูว์ บริดเจน เขตนอร์ทเวสต์เลสเตอร์เผยว่า ได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการ 1922 ที่จัดการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานพรรคอนุรักษ์นิยม ขอให้ประกาศว่าไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน นับเป็น สส.พรรคอนุรักษ์นิยมคนที่ 5 ที่ส่งหนังสือดังกล่าว พรรคจะต้องเปิดการลงมติไม่ไว้วางใจหากได้รับหนังสือจาก สส.54 คน จากที่มีอยู่ทั้งหมด 360 คนในปัจจุบัน ด้าน สส.ทิม ลัฟตัน อดีตประธานคณะกรรมการกิจการภายในของสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายจอห์นสันไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป เพราะทำให้เกิดความสับสน กลับกลอก และหลบเลี่ยง ทั้งที่ประชาชนชาวอังกฤษสมควรที่จะได้รับความชัดเจน ซื่อสัตย์ และความสำนึกผิดจากเขา ขณะที่ สส.โทเบียส เอลล์วูด ประธานคณะกรรมการกลาโหมของสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์บรรษัทกระจายและแพร่ภาพอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ว่า นายจอห์นสันต้องแสดงความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นต้องหลีกทางไป รัฐบาลอังกฤษขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน จนกว่านางซูซาน เกรย์ ข้าราชการอาวุโสจะเสร็จสิ้นการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องทำเนียบนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานรัฐบาลฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์หลายครั้งระหว่างปี 2563-2564 สส.พรรคอนุรักษ์นิยมบางคนเผยว่า ประชาชนระดมส่งอีเมลแสดงความไม่พอใจ […]

นายกฯ อังกฤษขอโทษเรื่องจัดปาร์ตี้ช่วงล็อกดาวน์

ลอนดอน 13 ม.ค. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าวขอโทษอย่างจริงใจจากเหตุที่เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่จัดขึ้นบริเวณสวนของทำเนียบนายกรัฐมนตรีในช่วงที่อังกฤษประกาศล็อกดาวน์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 แต่บ่ายเบี่ยงตอบเกี่ยวกับกรณีที่มีเสียงเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาอังกฤษว่า เขามองว่าการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณสวนของทำเนียบนายกรัฐมนตรี หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ดาวนิง สตรีท’ ในเดือนพฤษภาคม 2563 เป็นงานเลี้ยงกึ่งทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษ ทั้งยังระบุว่า เขารู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในสายตาประชาชนอังกฤษหลายล้านที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมพิธีศพของญาติสนิทมิตรสหายที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ดังนั้น เขาจึงต้องขอโทษอย่างจริงใจต่อประชาชนอังกฤษในที่ประชุมรัฐสภาแห่งนี้ ในขณะเดียวกัน เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำพรรคแรงงานและแกนนำฝ่ายค้านอังกฤษ กล่าวว่า คำขอโทษของนายกรัฐมนตรีจอห์นสันขาดความน่าเชื่อถือ และโจมตีผู้นำอังกฤษที่ออกมาอธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวช้าเกินไปทั้งที่เกิดเรื่องขึ้นนานแล้ว รวมถึงใช้วิธีการหลอกลวงเสแสร้งมานานหลายเดือน เซอร์เคียร์ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจอห์นสันลาออกจากตำแหน่ง และระบุว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไร้ยางอาย ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไอทีวีของอังกฤษรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ส่งอีเมลเชิญแขกกว่า 100 คนเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ต้องนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเองบริเวณสวนของทำเนียบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษล็อกดาวน์ครั้งแรก โดยมีนายกรัฐมนตรีจอห์นสันและนางแคร์รี จอห์นสัน ภริยา เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย.-สำนักข่าวไทย

ปาร์ตี้ล็อกดาวน์เขย่าเก้าอี้นายกฯ อังกฤษ

กรณีอื้อฉาวที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จัดงานเลี้ยงทั้งที่ประกาศล็อกดาวน์ป้องกันโควิด กลายเป็นเรื่องที่สั่นคลอนเก้าอี้ของเขา

ผู้นำอังกฤษถูกตำหนิจัดงานสังสรรค์ช่วงล็อกดาวน์

ลอนดอน 11 ม.ค. – นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งในวันนี้ หลังสถานีโทรทัศน์ไอทีวีของอังกฤษรายงานว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เชิญแขกกว่า 100 คนเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ต้องนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเอง ซึ่งจัดขึ้นบริเวณสวนของทำเนียบนายกรัฐมนตรีในช่วงที่อังกฤษล็อกดาวน์ครั้งแรก ไอทีวีระบุว่า นายมาร์ติน เรย์โนลด์ส เลขาธิการนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ส่งอีเมลเชิญแขกกว่า 100 คนเข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน และแคร์รี แฟนสาว เข้าร่วมงานพร้อมกับพนักงานของรัฐบาลอีกราว 40 คนที่บริเวณสวนในทำเนียบนายกรัฐมนตรี หรือ “บ้านเลขที่ 11 ถนนดาวน์นิ่ง” เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 นายเรย์โนลด์ส ระบุในอีเมลดังกล่าวว่า ขอเชิญชวนทุกคนมาใช้เวลาสังสรรค์และดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกันอย่างเต็มที่แบบเว้นระยะห่างทางสังคมในสภาพอากาศที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาวุ่นวายมาด้วยกัน งานสังสรรค์จะเริ่มเวลา 18.00 น. และอย่าลืมนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเอง ไอทีวียังตั้งข้อสังเกตว่า งานดังกล่าวจัดขึ้นในช่วงที่อังกฤษประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิดอย่างเข้มงวด โดยที่ตำรวจอังกฤษได้ดำเนินคดีกับประชาชนที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ตั้งด่านสุ่มตรวจในบางพื้นที่ รวมถึงใช้โดรนบินสอดส่องเหนือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเขตดาร์บีเชอร์ ทางตอนกลางของอังกฤษ ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานของไอทีวี ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งสืบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงอย่างน้อย 5 ครั้งของหน่วยงานรัฐบาลอังกฤษเมื่อปีก่อนที่มีขึ้นในช่วงที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ซึ่งชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2562 […]

ชี้ภาพผู้นำอังกฤษจิบไวน์ช่วงล็อกดาวน์ปีก่อนไม่ใช่งานเลี้ยง

ลอนดอน 20 ธ.ค. – นายโดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ระบุวันนี้ว่า ภาพถ่ายที่มีนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกหลายสิบคนนั่งดื่มไวน์บริเวณสวนภายในสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์ปีก่อนไม่ใช่การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เป็นการรวมตัวกันเพื่อทำงาน หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษตีพิมพ์รูปภาพที่แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน วัย 57 ปี และนางแคร์รี จอห์นสัน ภริยา วัย 33 ปี ซึ่งกำลังอุ้มบุตรชายวัยแรกเกิด นั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลอื่นอีก 2 คนภายในสวนของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยที่บนโต๊ะมีขวดไวน์และชีสที่เป็นเครื่องเคียง ส่วนโต๊ะที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักมีผู้นั่งอยู่ 4 คน และมีอีกโต๊ะใกล้กันเป็นกลุ่มคนยืนถือแก้วไวน์ล้อมรอบโต๊ะที่มีขวดไวน์วางอยู่ นายโดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยผ่านสถานีวิทยุไทมส์ เรดิโอ ของอังกฤษว่า สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษมักใช้สวนบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ประชุมเรื่องการทำงาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดแต่อย่างใด และเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะถูกจัดว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ทั้งยังระบุว่า ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นวันที่รัฐบาลอังกฤษเพิ่งเสร็จจากการจัดงานแถลงข่าว และเจ้าหน้าที่รัฐบาลก็จะนั่งดื่มเครื่องดื่มหลังเสร็จงานที่สวนเป็นครั้งคราว ซึ่งเขามองว่าเป็นการรวมตัวกันเพื่อทำงานมากกว่า อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้ทำให้นายกรัฐมนตรีจอห์นสันถูกตรวจสอบอย่างหนักหลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษจัดงานเลี้ยงหลายครั้งในช่วงที่อังกฤษประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนรวมตัวกัน นอกจากนี้ ผู้นำอังกฤษยังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนับตั้งแต่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษกำลังหัวเราะขบขันที่งานเลี้ยงของสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีก่อนที่อังกฤษกำลังใช้มาตรการล็อกดาวน์และสั่งห้ามจัดงานเลี้ยงสังสรรค์.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่พุ่งสูงสุด 2 วันติด

ลอนดอน 17 ธ.ค. – อังกฤษพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 88,376 คน ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษทรงยกเลิกการจัดงานเลี้ยงฉลองก่อนเทศกาลคริสต์มาสสำหรับสมาชิกราชวงศ์ เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า อังกฤษพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 88,376 คน เพิ่มขึ้นจากวันพุธที่มี 78,610 คน และเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 คนเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อของวันพฤหัสบดีที่แล้วที่มี 50,867 คน ขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 11 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 146,900 คน คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ กล่าวว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่จุดสูงสุดของการระบาดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ได้เตือนให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองต่อการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน พร้อมยืนยันว่า อังกฤษไม่ได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบลับ ๆ หลัง ส.ส. อังกฤษจำนวนหนึ่งกล่าวหาว่ารัฐบาลสั่งล็อกดาวน์ธุรกิจบริการและโรงแรม ด้านสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 […]

อังกฤษพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ลอนดอน 16 ธ.ค. – อังกฤษพบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 78,610 คน ถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศ และทำลายสถิติสูงสุด 68,053 คนเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษกำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษแถลงเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ในอังกฤษจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และเตือนให้ประชาชนพิจารณาถึงความสำคัญในการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมในช่วงเทศกาลคริสต์มาส รวมถึงสนับสนุนให้ชาวอังกฤษตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทางไปเยี่ยมผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูง หากเป็นไปได้ ควรพบปะกันในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกหรือที่กลางแจ้ง ทั้งยังระบุว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิด 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ระบาดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และสายพันธุ์เดลตา ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเตือนว่าบางพื้นที่อาจมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นสองเท่าภายในสองวันนี้ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เขาเกรงว่าอังกฤษจะเผชิญกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทั่วประเทศเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน และในกรุงลอนดอนอาจเพิ่มขึ้นสูงถึงเกือบร้อยละ 33 บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานอ้างข้อมูลของทางการอังกฤษที่ระบุว่า อังกฤษฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สาม 656,711 โดสเมื่อวันพุธ เพิ่มขึ้นจากวันอังคารที่ฉีดได้ราว 140,000 โดส และมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 165 […]

อังกฤษพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโควิดโอไมครอน

ลอนดอน 14 ธ.ค. – อังกฤษยืนยันเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของประเทศ ขณะที่กำลังเร่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิดในกรุงลอนดอนว่า อังกฤษพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนราวร้อยละ 40 จากยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทั้งหมดในโรงพยาบาล และมีผู้ป่วยติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น อังกฤษยังพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 รายที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังจากที่เพิ่งประกาศเตือนประชาชนทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ว่ากำลังเผชิญกับการระบาดระลอกใหญ่ นอกจากนี้ ผู้นำอังกฤษยังได้กล่าวเน้นย้ำผ่านโทรทัศน์ ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักว่า อังกฤษจำเป็นต้องใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้โรงพยาบาลเผชิญกับภาวะตึงตัวในอีกหลายสัปดาห์หน้า และประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามภายในสิ้นเดือนนี้ ในขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป หรืออีซีดีซี ระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวอาจเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ยังมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทั่วโลกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการตรวจเพื่อถอดรหัสพันธุกรรม ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของโลก ขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 10.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 146,000 คน.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำกว่า 100 ชาติจะให้คำมั่นหยุดทำลายป่าในงาน COP26

กลาสโกว์ 2 พ.ย. – บรรดาผู้นำจากประเทศทั่วโลกจะสรุปการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศในวันนี้ด้วยการให้คำมั่นครั้งสำคัญเพื่อยุติการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2573 ในขณะที่องค์กรรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมมองว่าเป้าหมายดังกล่าวใช้เวลานานเกินไปและเรียกร้องให้เกิดการดำเนินงานที่เร็วยิ่งขึ้นเพื่อรักษาปอดของโลก ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ของสกอตแลนด์ จะกล่าวในการประชุมวันนี้ว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่ามีความสำคัญต่อเป้าหมายที่จะจำกัดอุณภูมิโลกให้สูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ระบบนิเวศน์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ถือเป็นปอดของโลก ป่าไม้ช่วยสนับสนุนชุมชน การดำรงชีวิต อาหาร และดูดซับก๊าซคาร์บอนที่มนุษย์ปล่อยขึ้นสู่อากาศ ป่าไม้จึงจำเป็นต่อการอยู่รอดของมนุษย์ การให้คำมั่นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวันนี้จะช่วยให้ทุกคนมีโอกาสยุติประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ในฐานะผู้ทำลายธรรมชาติและเปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้พิทักษ์ธรรมชาติ รัฐบาลอังกฤษระบุว่า คำมั่นสัญญาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากภาครัฐและเอกชนเกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (666,000 ล้านบาท) และได้รับการยืนยันจากผู้นำจากกว่า 100 ประเทศที่มีพื้นที่ป่าไม้รวมกันสูงกว่าร้อยละ 85 ของโลก เช่น บราซิลและรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่ป่ามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐและประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ดี กรีนพีซ องค์กรรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ได้ออกมาตำหนิข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าต่อไปอีก 10 ปี.-สำนักข่าวไทย

กลุ่มจี 20 เห็นด้วยต้องแก้โลกร้อนแต่ให้คำมั่นเพียงเล็กน้อย

บรรดาผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก หรือจี 20 มีมติเห็นชอบต่อการดำเนินการเพื่อลดภาวะโลกร้อนด้วยการกระทำที่มีความหมายและมีประสิทธิภาพ

อังกฤษจะให้วัคซีนโควิดประเทศกำลังพัฒนาอีกหลายล้านโดส

โรม 30 ต.ค.- นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษจะประกาศจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลายล้านโดสให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาภายในสิ้นปีนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันจะประกาศต่อที่ประชุมสุดยอดกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือจี 20 (G20) ที่กรุงโรมของอิตาลีซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ตุลาคมนี้ว่า เศรษฐกิจโลกเหมือนยักษ์หลับที่เพิ่งตื่นและกำลังจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความเร็วในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกจะขึ้นกับความเร็วในการเอาชนะโควิด-19 ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกของจี 20 คือการเดินหน้าจัดสรรวัคซีนอย่างรวดเร็ว เท่าเทียมและทั่วถึง อังกฤษเคยรับปากในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) เมื่อเดือนมิถุนายนว่า จะจัดสรรวัคซีนอย่างน้อย 100 ล้านโดส โดยเป็นส่วนหนึ่งของที่จี 7 รับปากว่าจะจัดสรร 1,000 ล้านโดส แต่ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้าและกำกวม ล่าสุดอังกฤษแถลงว่า ได้จัดส่งวัคซีนของออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซนเนกาให้โครงการโคแวกซ์ไปแล้ว 10 ล้านโดส และจะจัดส่งอีก 10 ล้านโดสในอีกไม่กี่สัปดาห์ รวมเป็น 30 ล้าน 6 แสนโดสในปีนี้ ส่วนในปีหน้าจะบริจาควัคซีนของออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซนเนกาอีกอย่างน้อย 20 ล้านโดส และวัคซีนแจนเซนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่รัฐบาลสั่งซื้อมาทั้ง 20 ล้านโดสให้แก่โคแวกซ์ อดีตผู้นำและรัฐมนตรีหลายร้อยคนทั่วโลกเรียกร้องนายกรัฐมนตรีมาริโอ […]

สหรัฐ-อังกฤษจะช่วยออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์

สหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย แถลงร่วมกันเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทั้งสามประเทศจะสร้างพันธมิตรด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่รวมถึงการช่วยรัฐบาลออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ในขณะที่จีนขยายอิทธิพลเพิ่มขึ้นในภูมิภาคดังกล่าว

1 2 3 4 5 6
...