อินเดียมียอดป่วยโควิดต่ำสุดในรอบกว่าเดือน
อินเดียพบยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 196,427 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายวันต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน
อินเดียพบยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 196,427 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายวันต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน
นิวเดลี 24 พ.ค. – อินเดียมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทะลุ 300,000 คนแล้ว ทำสถิติสูงเป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐและบราซิล เนื่องจากยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นและระบบสาธารณสุขที่รองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานว่า อินเดียมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4,454 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำสถิติสูงเป็นอันดับสองรองจากตัวเลขผู้เสียชีวิตของวันพุธที่แล้วที่มี 4,529 คน ขณะนี้ อินเดียมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งหมด 303,720 คน หลังมีตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 50,000 คนภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 26.7 ล้านคน ก่อนหน้านี้ อินเดียพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่รุนแรง ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่แท้จริงมีมากกว่าที่ทางการรายงาน โดยเฉพาะการระบาดจากเมืองใหญ่ไปสู่พื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียส่วนใหญ่จากประชากรทั้งหมดราว 1,300 ล้านคน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่บริการสาธารณสุขและการตรวจหาเชื้อโควิดเข้าไม่ถึง การระบาดระลอกล่าสุดในอินเดียไม่เพียงทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งรองรับผู้ป่วยติดเชื้อได้ไม่เพียงพอ แต่ยังทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนออกซิเจนและยาจำเป็น นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ภาพการเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยการก่อกองฟืนเผาศพชั่วคราวทดแทนสถานที่เผาศพและการฝังในสุสานที่มีไม่เพียงพอ อีกทั้งยังมีผู้พบเห็นศพที่คาดว่าเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ลอยไปตามแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ หรือถูกฝังไว้ในหลุมศพตื้น ๆ. -สำนักข่าวไทย
ภาพวิดีโอที่บันทึกจากโดรน เผยให้เห็นศพชาวอินเดียที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ถูกนำมาฝังไว้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำคงคา ในรัฐอุตระประเทศ
อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย แพร่เร็วไม่แตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษ และเชื้อรุนแรงขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีน ทั้งแอสตราเซเนกา และซิโนแวค
อินเดียพบยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ลดลงต่อเนื่อง แม้ยังคงมียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเตือนว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่ทางการอินเดียรายงานขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ชนบท ซึ่งพบการระบาดอย่างรวดเร็ว ยังเข้าไม่ถึงการตรวจหาเชื้อโควิด
รัฐบาลอินเดียยอมรับครั้งแรกว่า มีการทิ้งศพติดโควิด-19 จำนวนมากลงในแม่น้ำหลายสาย เหตุจากชาวบ้านยากจน ไม่มีเงินทำศพ คนในครอบครัวที่ตายจากโควิด-19
– อินเดียมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มากกว่า 4,000 คนติดต่อกันเป็นวันที่สอง
เบงกาลูรู 12 พ.ค. – อินเดียมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทะลุ 250,000 คน ในขณะที่นักไวรัสวิทยาชั้นนำของอินเดียระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าอินเดียผ่านจุดสูงสุดของการระบาดไปแล้วหรือไม่ กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4,205 คน และมีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 348,421 คน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 250,000 คน และมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 23 ล้านคน อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายรายของอินเดียเชื่อว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจริงอาจมีมากกว่าตัวเลขที่ทางการรายงานราว 5-10 เท่า ขณะที่หนังสือพิมพ์อินเดียนเอ็กซ์เพรสรายงานอ้างนักไวรัสวิทยาชั้นนำของอินเดียที่กล่าวว่า อินเดียมีแนวโน้มยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่แสดงถึงสัญญาณของการคงที่ แต่แนวโน้มตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่ลดลงน่าจะเป็นไปได้ช้า อีกทั้งยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า อินเดียผ่านจุดสูงสุดของการระบาดไปแล้วหรือไม่ ในขณะเดียวกัน พื้นที่ในย่านชนบทหลายแห่งของอินเดียประสบปัญหาขาดแคลนไม้ เพื่อนำมาใช้ในพิธีเผาศพแบบดั้งเดิมของชาวฮินดู นอกจากนั้น ยังพบศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาเกยตื้นริมตลิ่งของในแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไหลผ่านพื้นที่ที่มีประชากรมากที่สุดในที่ราบทางตอนเหนือของอินเดีย ขณะที่ชาวอินเดียในกรุงนิวเดลีก็ละทิ้งญาติผู้เสียชีวิตหลังการเผาศพ โดยปล่อยให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครเป็นผู้จัดการเก็บเถ้าถ่านจากการเผาศพ สวดมนต์ให้ผู้เสียชีวิต และนำอัฐิไปโปรยในแม่น้ำ ทั้งที่โดยปกติครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะต้องเป็นผู้ประกอบพิธีดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย
เจนีวา/เบงกาลูรู 11 พ.ค. – องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์ที่พบการระบาดครั้งแรกในอินเดีย เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลระดับโลก ขณะที่สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดียมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เชื้อไวรัสโคโรนาที่พบการระบาดครั้งแรกในอินเดียเมื่อปีก่อนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลระดับโลก และระบุว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นส่วนหนึ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น ขณะที่ประเทศทั่วโลกได้ส่งถังออกซิเจนและอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อช่วยเหลืออินเดียที่กำลังเผชิญกับการระบาดครั้งรุนแรง อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศยังคงประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อ ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 329,942 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3,876 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 22.99 ล้านคน และผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 249,900 คน ขณะนี้ อินเดียยังคงมีอัตราผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดในโลก คิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลกในแต่ละวัน และมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยสูงสุดที่วันละ 390,995 คน. -สำนักข่าวไทย
อาห์เมดาบัด 11 พ.ค. – แพทย์อินเดียออกโรงเตือนผู้ที่เชื่อว่ามูลวัวรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ โดยระบุว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพดังกล่าว และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคอื่น ผู้นับถือศาสนาฮินดูในรัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย ต่างพากันเดินทางไปยังคอกวัวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อนำมูลและปัสสาวะของวัวมาทาตัว โดยเชื่อว่ามูลวัวจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด เนื่องจากศาสนาฮินดูถือว่าวัวเป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตและโลก โดยจะรอให้มูลและปัสสาวะของวัวที่ทาบนร่างกายแห้ง จึงจะเข้าไปกอดหรือแสดงความเคารพต่อวัวในคอก รวมถึงฝึกโยคะเพื่อเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย หลังจากนั้น พวกเขาจะชำระล้างร่างกายด้วยนมวัว ทั้งนี้ ชาวฮินดูใช้มูลวัวมาทำความสะอาดบ้านเรือนและประกอบพิธีสวดมนต์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยเชื่อว่ามูลวัวมีคุณสมบัติในการรักษาโรคและฆ่าเชื้อโรคได้ อย่างไรก็ดี แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ในอินเดียและหลายประเทศทั่วโลกได้ย้ำเตือนถึงทางเลือกในการรักษาโรคโควิด-19 ดังกล่าวว่า อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดด้านความปลอดภัยและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ประธานสมาคมแพทย์อินเดียระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรมที่ยืนยันว่ามูลหรือปัสสาวะของวัวช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 แต่เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น นอกจากนี้ การทาและบริโภคมูลหรือปัสสาวะของวัวยังทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และทำให้เกิดการแพร่กระจายโรคอื่น ๆ จากสัตว์มาสู่คนอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย
อินเดียยังไม่กระจายถังออกซิเจน ยาและเวชภัณฑ์จำนวนมาก ที่ส่งมาจากหลายประเทศ ไปยังรัฐต่างๆ ทางการเผยอยู่ระหว่างจัดระเบียบ จะจัดส่งได้สุดสัปดาห์นี้
ผู้เชี่ยวชาญในอินเดีย เตือนการระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม เป็นสิ่งที่อินเดียไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และจะสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้แก่ประเทศและประชาชน ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญการระบาดระลอกสองอยู่