รัสเซียยิงจรวด 2 ลูก ถล่มสถานีรถไฟยูเครน ตาย 30 ราย
บริษัทรถไฟแห่งยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูกใส่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน
บริษัทรถไฟแห่งยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูกใส่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน
ยูเครนระบุมีความเป็นไปได้ที่จะมีการยิงขีปนาวุธและการโจมตีทางอากาศมาจากดินแดนของเบลารุส
มอสโก 8 เม.ย. – รัสเซียยอมรับว่าสูญเสียทหารจำนวนมากในสงครามยูเครน และถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ ในขณะที่รัสเซียโจมตียูเครนเป็นวันที่ 44 นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เผยกับสถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ของอังกฤษว่า รัสเซียสูญเสียทหารจำนวนมากในสงครามยูเครน และถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ เขาหวังว่ารัฐบาลรัสเซียจะบรรลุเป้าหมายของการทำสงครามในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี นายเปสคอฟปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องให้กองทัพรัสเซียแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารพลเรือนในเมืองบูจาของยูเครน โดยระบุเพียงว่า ตอนนี้ทุกคนอาศัยอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยการโกหกและหลอกลวง พร้อมทั้งกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่าภาพถ่ายเหตุสังหารที่เมืองบูจาเป็นการจัดฉาก ทั้งนี้ คำกล่าวของนายเปสคอฟมีขึ้นหลังจากที่สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ลงมติระงับสถานะสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) หลังได้รับรายงานว่ารัสเซียได้กระทำการข่มเหงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในยูเครน และรัสเซียก็ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในทันที ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยเมื่อวันที่ 25 มีนาคมว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิต 1,351 นายในสงครามยูเครน ขณะที่ทางการยูเครนระบุว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตเกือบ 19,000 นาย ส่วนบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ระบุว่า ยังคงไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของการรายงานตัวเลขทหารรัสเซียที่เสียชีวิตได้อย่างอิสระ เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่ารัสเซียอาจรายงานตัวเลขทหารที่เสียชีวิตน้อยเกินจริง ส่วนยูเครนก็อาจรายงานตัวเลขให้สูงเกินจริงเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ แต่ผู้นำชาติตะวันตกหลายคนเชื่อว่าตัวเลขทหารรัสเซียที่เสียชีวิตน่าจะอยู่ที่ราว 7,000-15,000 นาย.-สำนักข่าวไทย
ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าถ่านหินมากเป็นอันดับ 3 ของโลก มีแผนการจะลดการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะเดียวกันก็จะมองหาประเทศที่เป็นทางเลือกอื่นในการสั่งซื้อถ่านหินในช่วงที่มีการใช้มาตรการลงโทษรัสเซียที่ใช้กำลังบุกยูเครน
เคียฟ 8 เม.ย. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า เมืองโบโรเดียนกา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ถูกโจมตีอย่างหนักและโหดร้ายกว่าเมืองบูจาที่อยู่ใกล้กัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของยูเครนพบร่างผู้เสียชีวิต 26 รายใต้ซากปรักหักพังของอพาร์ทเมนต์ 2 แห่งในเมืองโบโรเดียนกา ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวคำปราศรัยต่อสาธารณชนผ่านเฟซบุ๊กเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีว่า เจ้าหน้าที่ของยูเครนกำลังเร่งรื้อซากปรักหักพังในเมืองโบโรเดียนกา และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากจากฝีมือของกองทัพรัสเซีย โดยที่สถานการณ์ในเมืองโบโรเดียนกานั้นโหดร้ายรุนแรงกว่าที่อื่นมาก ทั้งนี้ เมืองโบโรเดียนกาและเมืองบูจาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองนอกกรุงเคียฟ และเป็นสนามรบดุเดือดในระหว่างที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเพื่อตั้งเป้ายึดกรุงเคียฟก่อนประกาศถอนกำลังทหารออกไป ในขณะเดียวกัน อิรีนา เวเนดิกโตวา อัยการสูงสุดของยูเครน เผยว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบร่างผู้เสียชีวิต 26 รายในซากปรักหักพังของอพาร์ทเมนต์ 2 แห่งที่เมืองโบโรเดียนกา และกล่าวหารัสเซียว่าจงใจโจมตีย่านที่พักอาศัยของพลเรือน เนื่องจากเมืองโบโรเดียนกาไม่มีที่ตั้งฐานทัพยูเครน รวมถึงตั้งใจทิ้งระเบิดอาคารที่พักอาศัยในช่วงค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ในที่พักอาศัยเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งอ้างว่า เธอมีหลักฐานการก่ออาชญากรรมสงครามของกองทัพรัสเซียทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย
ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซีย เผยพวกเขากำลังมุ่งเป้าโจมตีทางตะวันออกของยูเครน ด้านรองนายกฯ ยูเครนขอให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว
นิวยอร์ก 8 เม.ย. – สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ลงมติระงับสถานะสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) หลังได้รับรายงานว่ารัสเซียได้กระทำการข่มเหงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในยูเครน และรัสเซียก็ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในทันที สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งมีประเทศสมาชิก 47 ประเทศ ลงมติระงับสถานะสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ด้วยเสียงสนับสนุน 93 เสียง ขณะที่มี 24 ประเทศลงมติคัดค้าน และมี 58 ประเทศงดออกเสียง ประเทศที่ลงมติสนับสนุนการระงับสถานะสมาชิกภาพของรัสเซียในครั้งนี้นำโดยสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเมียนมา ส่วนประเทศที่คัดค้าน เช่น จีน ลาว และเวียดนาม ด้านไทยลงมติงดออกเสียงร่วมกับประเทศต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย และอินเดีย นายเยนนาดี คุซมิน ผู้ช่วยทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการลงมติในครั้งนี้ว่า มติดังกล่าวเป็นขั้นตอนที่ผิดกฎหมายและมีแรงจูงใจทางการเมือง ก่อนที่จะประกาศว่า รัสเซียได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกภาพของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ขณะที่นายเซอร์กี คิสลิสยา […]
หลังจากรัสเซียเริ่มถอนทัพออกจากพื้นที่ตอนเหนือของกรุงเคียฟตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนว่ารัสเซียได้ปรับเปลี่ยนไปมุ่งเน้นพื้นที่ทางตะวันออกแล้ว
เคียฟ 7 เม.ย. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน รู้สึกยินดีที่ชาติตะวันตกได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย แต่ระบุว่ามาตรการเหล่านี้ยังคงไม่เพียงพอ และต้องการให้ชาติตะวันตกสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ประธานาธิบดีเซเลนสกีแถลงผ่านคลิปวิดีโอล่าสุดว่า เขาขอเรียกร้องให้ชาติตะวันตกใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นและสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันมากเป็นอันดับสามของโลกและส่งออกน้ำมันกว่าครึ่งไปยังทวีปยุโรป การที่ชาติตะวันตกประสบความล้มเหลวในการลงมติร่วมกันเพื่อสั่งห้ามค้าขายกับรัสเซียจะยิ่งทำให้มีชาวยูเครนเสียชีวิตมากขึ้น ทั้งยังระบุว่า รัสเซียมีรายได้เข้าประเทศเป็นกอบเป็นกำจากการส่งออกน้ำมันจนทำให้รัสเซียไม่เห็นความจำเป็นของการเจรจาเพื่อสันติภาพอย่างจริงจัง และเขาขอยืนกรานให้ใช้มาตรการตัดธนาคารของรัสเซียออกจากระบบการเงินระหว่างประเทศโดยสิ้นเชิง ในขณะเดียวกัน องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น จะเปิดประชุมในวันนี้เพื่อลงมติว่า ควรขับรัสเซียพ้นการเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) หรือไม่ หลังมีรายงานระบุว่ากองทัพรัสเซียสังหารพลเรือนยูเครนอย่างโหดร้ายทารุณในหลายเมืองของยูเครนที่รัสเซียยึดไว้ โดยมีสหรัฐเป็นผู้เสนอให้ใช้แนวทางนี้หลังได้รับหลักฐานที่ชี้ว่ากองทัพรัสเซียได้สังหารพลเรือนหลายร้อยรายในเมืองบูจา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างจดหมายที่ส่งถึงนักการทูตของประเทศสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่ระบุว่า หากมีประเทศใดในประเทศสมาชิกคณะมนตรีฯ ทั้ง 47 ประเทศที่ต้องการขับรัสเซียพ้นจากการเป็นสมาชิก รัสเซียจะขึ้นบัญชีประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียทันที ขณะที่สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานอ้างแถลงการณ์ของหัวหน้าภารกิจสหประชาชาติของรัสเซียว่า หากประเทศสมาชิกลงมติขับรัสเซียพ้นจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีฯ กลุ่มชาติตะวันตกจะสามารถกำหนดแนวคิดและวิสัยทัศน์ด้านสิทธิมนุษยชนต่อประเทศอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มชาติตะวันตกและผู้สนับสนุนที่เป็นพวกเดียวกันเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 7 เม.ย. – เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐระบุว่า กองทัพรัสเซียได้ถอนกำลังทหารออกจากกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิว ทางตอนเหนือของยูเครน โดยสมบูรณ์แล้ว เจ้าหน้าที่ไม่เผยนามของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า กองทัพรัสเซียที่บุกโจมตีพื้นที่ใกล้กรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิวได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยสมบูรณ์ เพื่อกลับไปรวบรวมกำลังทหารและปรับปรุงกองทัพใหม่ในเบลารุสและรัสเซีย เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังระบุว่า กองทัพรัสเซียอาจย้อนกลับมาบุกโจมตีกรุงเคียฟอีกครั้งในอนาคต แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะกลับมาเมื่อใด ขณะนี้ รัสเซียยังคงกำลังทหารกว่า 80 กองพันไว้ในยูเครนจากทั้งหมด 130 กองพันที่ส่งเข้าไปบุกโจมตียูเครน ส่วนสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) ของสหรัฐให้ความเห็นว่า กองทัพรัสเซียที่ถอนกำลังออกไปจากพื้นที่รอบกรุงเคียฟไม่น่าจะฟื้นฟูประสิทธิภาพการสู้รบได้ในเร็ว ๆ นี้ ในขณะเดียวกัน นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้พบเห็นกองทัพรัสเซียในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟหรือเมืองเชอร์นิฮิว ทั้งยังระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เป็นศูนย์จากคำสั่งเปิดฉากโจมตียูเครน เนื่องจากรัสเซียทำได้แค่ควบคุมพื้นที่ของเมืองที่มีประชากรเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถยึดเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ได้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
ทีมกาชาดสากล นำรถรับผู้ลี้ภัยกว่า 1,000 คน ที่หลบหนีออกมาจากเมืองมาริอูโปล ของยูเครน ไปยังเมืองซาปอริซเซีย
วอชิงตัน 7 เม.ย. – สหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อบุคคลใกล้ชิดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงบุตรสาว 2 คน คือ แคเทอรินา วลาดิมิรอฟนา ทิโคโนวา และมาเรีย วลาดิมิรอฟนา โวรอนต์โซวา โดยที่สหรัฐระบุว่าทั้งสองคนทำงานสนับสนุนรัฐบาลรัสเซียและถือครองทรัพย์สินของผู้นำรัสเซีย สหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อ แคเทอรินา วลาดิมิรอฟนา ทิโคโนวา และมาเรีย วลาดิมิรอฟนา โวรอนต์โซวา บุตรสาวของประธานาธิบดีปูติน ด้วยการสั่งอายัดทรัพย์สินและผลประโยชน์ในทรัพย์สินของทั้งสองคนในสหรัฐ แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ทิโคโนวาทำงานเป็นผู้บริหารด้านเทคโนโลยีที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซียและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ส่วนโวรอนต์โซวาทำงานเป็นผู้นำโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากรัฐบาลรัสเซียเพื่อนำไปใช้ในการวิจัยด้านพันธุศาสตร์ โดยมีผู้นำรัสเซียเป็นผู้ควบคุมโครงการดังกล่าวโดยตรง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐเผยถึงสาเหตุที่สหรัฐตัดสินใจคว่ำบาตรบุตรสาว 2 คนของประธานาธิบดีปูตินว่า สหรัฐเชื่อว่าบุตรสาวของผู้นำรัสเซียเป็นผู้ถือครองและควบคุมทรัพย์สินบางส่วนของผู้เป็นบิดา และมีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่า ประธานาธิบดีปูติน บุคคลใกล้ชิด และมหาเศรษฐีชาวรัสเซียหลายคน ได้ปิดบังและซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ที่สมาชิกในครอบครัว ซึ่งเก็บทรัพย์สินเหล่านี้ไว้ในระบบการเงินของสหรัฐและในอีกหลายประเทศทั่วโลก สหรัฐยังได้เผยรายละเอียดมาตรการคว่ำบาตรอื่น ๆ ต่อรัสเซีย เช่น การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อห้ามการลงทุนใหม่ในรัสเซีย การคว่ำบาตรทางการเงินอย่างรุนแรงต่ออัลฟา แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย การคว่ำบาตรรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของรัสเซีย และการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรัสเซียและสมาชิกในครอบครัว ซึ่งรวมถึงสมาชิกในครอบครัวของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ทั้งนี้ […]