“ไบเดน” รับรองกฎหมายแบนสินค้าจากเขตซินเจียงของจีน

วอชิงตัน 24 ธ.ค. – ทำเนียบขาวของสหรัฐเผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ลงนามในร่างกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาบังคับใช้แรงงานในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์ตำหนิอย่างรุนแรงจากจีน ทำเนียบขาว ระบุว่า กฎหมายป้องกันการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์เป็นส่วนหนึ่งในแผนตอบโต้รัฐบาลจีนในการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ ซึ่งสหรัฐมองว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กฎหมายดังกล่าวมีใจความสำคัญอยู่ที่การตั้งข้อสันนิษฐานที่หักล้างได้ โดยระบุว่า สินค้าทั้งหมดจากเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งจีนใช้เป็นที่ตั้งค่ายปรับทัศนคติสำหรับชนกลุ่มน้อยอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่น ๆ เกิดขึ้นจากการบังคับใช้แรงงาน สหรัฐจะสั่งห้ามนำเข้าสินค้าจากเขตปกครองตนเองซินเจียงจนกว่าจะได้รับหลักฐานว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้สินค้าบางชนิด เช่น ฝ้าย มะเขือเทศ และโพลีซิลิคอนที่ใช้ในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ จัดอยู่ในบัญชีที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ของสินค้าห้ามนำเข้า ในขณะเดียวกัน โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ระบุในแถลงการณ์ว่า กฎหมายดังกล่าวเพิกเฉยต่อความจริงและใส่ร้ายจีนว่ากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียง การกระทำของสหรัฐถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างรุนแรง จีนขอประณามและไม่ยอมรับการใช้กฎหมายดังกล่าวของสหรัฐ ทั้งยังระบุว่า จีนจะหาทางรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย

“อินเทล” ขอโทษชาวจีนกรณีซินเจียงอุยกูร์

ปักกิ่ง 23 ธ.ค. – อินเทล บริษัทผลิตชิปคอมพิวเตอร์ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ขอโทษลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และประชาชนจีน หลังระบุข้อความในจดหมายถึงผู้จัดหาสินค้าและบริการของบริษัท หรือซัพพลายเออร์ ให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์หรือแรงงานจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งทำให้อินเทลต้องเผชิญกับกระแสโจมตีอย่างหนักในจีน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างข้อความในจดหมายประจำปีของอินเทลที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์และได้รับการแปลหลายภาษาว่า  อินเทลต้องมั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทานของบริษัทจะไม่มีแหล่งที่มาของสินค้า แรงงาน หรือบริการที่เชื่อมโยงกับเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการที่กำหนดโดยรัฐบาลหลายประเทศ อย่างไรก็ดี จดหมายดังกล่าวได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในจีนทั้งในสื่อของทางการจีนและสื่อโซเชียลมีเดียที่เรียกร้องให้แบนสินค้าของอินเทล ในเวลาต่อมา อินเทลได้ระบุในแถลงการณ์ผ่านบัญชีวีแชตและเวย์ปั๋วของบริษัทในวันนี้ว่า ความมุ่งมั่นในการหลีกเลี่ยงห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับเขตซินเจียงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของสหรัฐมากกว่าที่จะเป็นการแสดงจุดยืนของบริษัท อินเทลขอโทษต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และประชาชนจีน บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือและเร่งการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ร่วมกับจีน อย่างไรก็ดี แคร์รี หวัง หรือ หวัง จุนไค นักร้องและนักแสดงชื่อดังชาวจีน ออกมาเผยว่า เขาได้ยกเลิกสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของอินเทลแล้ว โดยระบุในแถลงการณ์ว่า เขาให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือสิ่งอื่นใด ขณะที่ผู้ใช้งานเวย์ปั๋วจำนวนมากต่างโจมตีคำขอโทษของอินเทลว่า เป็นความพยายามปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจในจีนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และกลุ่มสิทธิคาดการณ์ว่า มีประชาชนกว่า 1 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่น ๆ ถูกทางการจีนคุมขังไว้ในค่ายปรับทัศนคติที่ซินเจียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่จีนปฏิเสธเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง โดยอ้างว่านโยบายดังกล่าวช่วยแก้ปัญหากลุ่มลัทธิหัวรุนแรง. […]

รมว.ต่างประเทศจีนเผยไม่กลัวเผชิญหน้าสหรัฐ

ปักกิ่ง 20 ธ.ค. – นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ระบุวันนี้ว่า จีนไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสหรัฐ แต่พร้อมยินดีให้ความร่วมมือหากทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกัน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน เผยผ่านเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศจีนว่า ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนเกิดขึ้นจากการตัดสินใจผิดพลาดในเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐ จีนไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสหรัฐ หากจำเป็นต้องทำเช่นนั้น และจีนจะสู้ให้ถึงที่สุด ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า การแข่งขันไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่ควรเป็นไปในเชิงบวก สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนอยู่ในระดับตกต่ำ เนื่องจากปัญหาขัดแย้งต่าง ๆ เช่น ที่มาของโรคโควิด-19 สงครามการค้า ปัญหาสิทธิมนุษยชน และประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน ทั้งนี้ในการประชุมสุดยอดแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้กดดันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน ส่วนประธานาธิบดีสีเตือนว่า จีนจะโต้ตอบต่อการกระทำที่ยั่วยุเกี่ยวกับไต้หวัน ล่าสุดสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายยกเลิกสินค้านำเข้าจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตดังกล่าว ขณะที่จีนระบุว่า ข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงอุยกูร์นั้นไม่เป็นความจริง. -สำนักข่าวไทย

“องค์ดาไล ลามะ” ชี้ผู้นำจีนไม่เข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย

โตเกียว 10 พ.ย. – องค์ดาไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบต กล่าวตำหนิบรรดาแกนนำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันนี้ว่าไม่เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่แตกต่างในจีน และชาวฮั่น ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีประชากรมากที่สุดในจีน ก็ใช้อำนาจควบคุมประเทศมากจนเกินไป องค์ดาไล ลามะ วัย 86 ปี ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ที่จัดขึ้นในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น และได้ตอบคำถามที่ว่าประชาคมนานาชาติควรพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรการการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จีนเป็นเจ้าภาพในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าหรือไม่ เนื่องจากจีนใช้นโยบายปราบปรามชนกลุ่มน้อย ซึ่งรวมถึงชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีน องค์ดาไล ลามะ กล่าวจากที่พำนักในเมืองธรรมศาลาในอินเดียว่า ท่านรู้จักบรรดาแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนหลายคนนับตั้งแต่สมัยประธานเหมา เจ๋อตง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน แนวคิดของแกนนำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งก็สุดโต่งและใช้การควบคุมที่เข้มงวดจนเกินไป ท่านคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ในประเทศจะเปลี่ยนไปเมื่อจีนได้ผู้นำประเทศที่เป็นคนรุ่นใหม่ องค์ดาไล ลามะ ยังกล่าวว่า ทิเบตและซินเจียงมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ไม่เปิดกว้างจึงไม่เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่แตกต่าง ท่านตั้งข้อสังเกตว่า ประชาชนจีนไม่ได้มีแต่ชาวฮั่นเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่แตกต่างกัน และชาวฮั่นก็ใช้อำนาจควบคุมมากจนเกินไป ทั้งนี้ องค์ดาไล ลามะ ได้ลี้ภัยจากทิเบตไปอยู่ในอินเดียเมื่อปี 2502 หลังไม่ประสบความสำเร็จในการต่อต้านการปกครองของจีน ขณะที่รัฐบาลจีนมองว่าท่านเป็นผู้นำการแบ่งแยกดินแดน.-สำนักข่าวไทย

คนงาน 21 ชีวิตติดในเหมืองถ่านหินซินเจียง

สื่อทางการจีนรายงานว่า มีคนงานเหมือง 21 คนติดในเหมืองถ่านหินในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ หลังเกิดน้ำท่วมตัดกระแสไฟฟ้าภายในเหมืองใต้ดินและทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้

จีนสั่งประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่ชาวอุยกูร์ 2 คน

ปักกิ่ง 7 เม.ย. – ศาลจีนสั่งประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ 2 คนที่มีความผิดฐานจัดกิจกรรมที่เป็นการแบ่งแยกดินแดน ในขณะที่จีนกำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ในภูมิภาคดังกล่าว รัฐบาลท้องถิ่นของเขตซินเจียงอุยกูร์ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า อดีตหัวหน้าสำนักงานยุติธรรมของเขตซินเจียงถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต และได้รับการชะลอโทษ 2 ปีในข้อหาแบ่งแยกดินแดน ขณะที่รองประธานศาลประชาชนชั้นสูงของจีนแถลงว่า อดีตหัวหน้าสำนักงานยุติธรรมสมคบคิดกับองค์กรก่อการร้าย รับเงินสินบน และดำเนินกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน ด้านสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า อดีตหัวหน้าคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับขบวนการอิสลามแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก (ETIM) ที่สหประชาติขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้าย หลังจากที่เขาเดินทางไปพบกับสมาชิกคนสำคัญของขบวนการดังกล่าวในปี 2546 ในขณะเดียวกัน ศาลประชาชนชั้นสูงของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาของเขตซินเจียงถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต และได้รับการชะลอโทษออกไป 2 ปีเช่นกัน ในความผิดฐานก่ออาชญากรรมแบ่งแยกดินแดนและรับเงินสินบน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นยังระบุด้วยว่า อดีตผู้อำนวยการคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการพยายามเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนทางชาติพันธุ์ การใช้ความรุนแรง การก่อการร้าย และความคลั่งไคล้ทางศาสนาในหนังสือเรียนภาษาอุยกูร์ อย่างไรก็ดี โทษประหารชีวิตที่ได้รับการชะลอโทษมักจะเปลี่ยนเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตในภายหลัง กลุ่มสิทธิต่าง ๆ เชื่อว่ามีชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอย่างน้อย 1 ล้านคนถูกจองจำในค่ายกักกันทั่วเขตซินเจียง ขณะที่สหรัฐระบุว่า ชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่น ๆ ในเขตซินเจียงกำลังเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทารุณกรรมทั้งหมด และยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายในเขตซินเจียงเพื่อต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรง.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเผยกำลังเจรจากับจีนเพื่อเข้าไปตรวจสอบกรณีซินเจียง

ออตตาวา 29 มี.ค. – สหประชาชาติ หรือยูเอ็น กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาอย่างจริงจังกับจีน เพื่อเข้าไปตรวจสอบเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีนว่าเป็นไปตามรายงานที่ระบุว่ามีการกดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์หรือไม่ นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า รายงานเกี่ยวกับการควบคุมตัวโดยมิชอบ การปฏิบัติที่โหดร้าย การใช้ความรุนแรงทางเพศ และการบังคับใช้แรงงานในเขตซินเจียงอุยกูร์จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดและเป็นอิสระ เธอยังระบุอีกด้วยว่า ได้เริ่มจัดการเจรจาเพื่อเดินทางเข้าไปในภูมิภาคดังกล่าวของจีนแล้ว แต่ยังไม่บรรลุข้อตกลง ในขณะเดียวกัน นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติให้สัมภาษณ์ผ่านรายการของบรรษัทกระจายเสียงของแคนาดาว่า ขณะนี้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการเดินทางเยือนเขตซินเจียงอุยกูร์ของนางบาเชเลต์ เขาหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในเร็ว ๆ นี้ และนางบาเชเลต์จะสามารถเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไม่มีข้อบังคับหรือข้อจำกัด ขณะที่จีนระบุว่า ยินดีต้อนรับนางบาเชเลต์ในการเดินทางเยือนเขตซินเจียงอุยกูร์ แต่จะต้องไม่ใช้การเดินทางดังกล่าวเพื่อดำเนินการจัดแจงทางการเมืองและสร้างแรงกดดันให้กับจีน.-สำนักข่าวไทย 

จีนว่าเอชแอนด์เอ็มควรตรวจสอบกรณีซินเจียงอย่างจริงจัง

ปักกิ่ง 29 มี.ค. – จีนระบุว่า เอชแอนด์เอ็ม (H&M) บริษัทผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกายของสวีเดนควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีนอย่างจริงจังก่อน ในขณะที่เอชแอนด์เอ็มถูกชาวจีนคว่ำบาตรจากแสดงความเห็นเมื่อปีก่อนเกี่ยวกับสภาพแรงงานในเขตดังกล่าว โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นของเขตซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีนกล่าวว่า เอชแอนด์เอ็มไม่ควรโยงพฤติกรรมทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องการเมือง และบริษัทจะไม่สามารถทำรายได้ในตลาดจีนได้อีกต่อไป เนื่องจากการออกแถลงการณ์ดังกล่าว เขายังกล่าวหาสหรัฐ อังกฤษ สหภาพยุโรป และแคนาดาว่า มีส่วนร่วมในการชักใยทางการเมือง เพื่อทำลายความมั่นคงของจีน หลังจากที่กลุ่มประเทศดังกล่าวร่วมกันประกาศคว่ำบาตรจีนจากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงอุยกูร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอชแอนด์เอ็มถูกชาวจีนโจมตีอย่างหนักตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อชาวจีนโนโลกโซเชียลมีเดียเผยแพร่แถลงการณ์ของเอชแอนด์เอ็มในปีที่แล้วที่ระบุว่า บริษัทจะไม่ใช้ฝ้ายจากเขตซินเจียงอุยกูร์อีกต่อไป การตัดสินใจที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากความยากลำบากในการตรวจสอบต้นกำเนิดของฝ้าย หลังจากที่สื่อและกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ได้รายงานเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานในเขตซินเจียงอุยกูร์.-สำนักข่าวไทย

“ไนกี้” ถูกชาวจีนโจมตีหลังแถลงเกี่ยวกับซินเจียงอุยกูร์

ชาวจีนในโลกโซเชียลมีเดียแสดงความไม่พอใจต่อแถลงการณ์ของไนกี้ อิงค์ บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของโลกที่ระบุว่า รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวการบังคับใช้แรงงานในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน และไนกี้ไม่ได้ใช้ฝ้ายจากภูมิภาคดังกล่าวมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า

ชาวเมืองเขตซินเจียงอุยกูร์ของจีนประท้วงมาตรการเข้มงวดในสื่อออนไลน์

ชาวเมืองในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการล็อกดาวน์ที่ยังคงเข้มงวดของทางการจีนในสื่อสังคมออนไลน์ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 ติดต่อกันมาแล้ว 8 วัน

จีนพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 22 คน

จีนรายงานวันนี้ว่า ตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 22 คน ในจำนวนนี้อยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์สูงถึง 18 คน และมีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้านี้ที่มีจำนวน 14 คน

ซินเจียงอุยกูร์ติดโควิด-19 เพิ่มอีก 17 คน

จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง วันนี้พบอีก 17 คน

1 2 3
...