ชัวร์ก่อนแชร์ : เมื่อความรุนแรงในครอบครัวขยายตัวสู่โลกไซเบอร์

“ครอบครัว” เป็นสถาบันพื้นฐานของสังคม ที่สมาชิกในครอบครัวใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความผูกพันทางสายเลือด กฎหมาย และจิตใจ นับเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ความอบอุ่น และความผูกพัน เป็นสถาบันพื้นฐานของสังคม แต่กลับเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างน่าห่วง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่โลกก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้รูปแบบของความรุนแรงในครอบครัว ขยายขอบเขตออกไปสู่พื้นที่ออนไลน์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากสถิติความรุนแรงในครอบครัว โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา พบผู้ถูกกระทำความรุนแรง จำนวน 4,833 ราย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากยาเสพติด ความเครียดทางเศรษฐกิจ และปัญหาสุขภาพจิต

ทั้งนี้ สถิติความรุนแรงที่เกิดขั้นนั้น เป็นความรุนแรงภายในครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 71 จำนวน 3,421 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก 1,450 ราย โดยแบ่งเป็น
– ถูกทำร้ายร่างกาย จำนวน 1,029 ราย 
– ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 270 ราย 
– ถูกกระทำอนาจาร 118 ราย 
– ถูกทอดทิ้ง 33 ราย


ความรุนแรงในครอบครัว คืออะไร​ ?
พระราชบัญญัติคุ้มครอบผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ให้คำนิยามของ “ความรุนแรงในครอบครัว” เอาไว้ดังนี้

การกระทำใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ในเกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระทำโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ ของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ แต่ไม่รวมถึงการกระทำโดยประมาท


ทั้งนี้
– การกระทำ คือ ต้องเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกถึงการกระทำด้วย
– โดยมุ่งประสงค์ คือ ต้องเป็นการกระทำโดยเจตนา เช่น เจตนาเอาไม้ตีศีรษะแต่หลบได้ แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ถือว่าเป็นความรุนแรงในครอบครัว (แต่ไม่รวมการกระทำโดยประมาท เช่น แม่อุ้มลูกแล้วเดินสะดุดขั้นบันไดล้ม)
– อันตรายต่อจิตใจ คือ ต้องมีผลกระทบต่อจิตใจแบบที่ต้องไปพบกับจิตแพทย์ ไม่ใช่แค่อารมณ์ความรู้สึก เศร้าโศกเสียใจ

ทำไมถึงเกิดความรุนแรงในครอบครัว ?
สาเหตุของการเกิดความรุนแรงในครอบครัวมาจากสภาวะทางอารมณ์ของแต่ละบุคคล ครอบครัวขาดความรัก ความอบอุ่น ขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีคนในครอบครัวดื่มสุราและใช้สารเสพติด รวมไปถึงการดูสื่อที่มีความรุนแรงหรือการต่อสู้ จะมีโอกาสให้เกิดความรุนแรงมากกว่าครอบครัวอื่น โดยความรุนแรง แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. ความรุนแรงทางด้านร่างกาย เช่น การทุบตีทำร้ายร่างกาย ตบ เตะ ต่อย การใช้อาวุธ เป็นต้น
2. ความรุนแรงทางด้านจิตใจ เช่น การใช้คำพูดหรือการกระทำที่เป็นการดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด่าว่าให้อับอาย บังคับ ข่มขู่ กักขัง หึงหวง ควบคุมไม่ให้แสดงความคิดเห็น ใช้อำนาจเหนือกว่า เป็นต้น
3. ความรุนแรงทางเพศ เช่น การถูกละเมิดทางเพศ อนาจาร การบังคับให้เปลื้องผ้า การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

เมื่อความรุนแรงในครอบครัว ไม่ได้จบอยู่แค่ใน “บ้าน”
Digital Abuse หรือ การคุกคามและละเมิดโดยใช้เทคโนโลยีหรือสื่อออนไลน์ ครอบคลุมพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต การโพสต์ข้อความประจาน การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือแฉความลับในลักษณะที่เป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น

หนึ่งในปัญหาที่พบได้ชัดเจนในปัจจุบัน คือ การล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อดิจิทัล โดยเฉพาะกรณีที่เด็กและเยาวชนถูกล่อลวงให้เปิดเผยเรือนร่าง หรือถูกแอบถ่ายในลักษณะล่อแหลม หากภาพหรือคลิปเหล่านั้นถูกเผยแพร่ต่อ ก็อาจนำไปสู่การข่มขู่ แบล็กเมล หรือการล่วงละเมิดซ้ำซ้อนทั้งทางเพศและจิตใจ

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นล่าสุด คือกรณีของครอบครัวหนึ่งในอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีสมาชิกในบ้านประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกรวม 9 คน ร่วมกันผลิตและเผยแพร่คลิปอนาจารผ่านกลุ่มลับออนไลน์ โดยมีลูกสาวคนโตวัย 21 ปี เป็นผู้ริเริ่มและชักชวนพี่น้องเข้าร่วม

เหตุการณ์ลักษณะนี้เข้าข่าย Digital Abuse อย่างชัดเจน และสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้ รวมถึงการวางมาตรการป้องกันในระดับครอบครัวและสังคม


ครอบครัวฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ ? ไม่จริง !
แม้ว่าจะเป็นการกระทำความรุนแรงภายในครอบครัวของตัวเอง แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำความรุนแรง มีความผิดอยู่ดี

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 มาตรา 4 กำหนดไว้ว่า
ผู้ใดกระทำการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว ผู้นั้นกระทำผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ให้ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ แต่ไม่ลบล้างความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น หากการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ด้วย ให้ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้*

*ให้ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
ผู้แจ้งสามารถถอนคำร้องทุกข์เมื่อใดก็ได้ แต่หากการกระทำผิดนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายอื่น ผู้กระทำต้องรับผิดตามกฎหมายนั้นด้วย แม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติให้ยอมความได้ก็จริง แต่คดีความรุนแรงในครอบครัว ไม่ใช่การทำร้ายร่างกายทั่ว ๆ ไป แต่เป็นลักษณะนิสัย ความเคยชิน
ดังนั้น กฎหมายจึงบัญญัติว่า ในกรณีที่มีการถอนคำร้องทุกข์หรือถอนฟ้อง หรือยอมความ ต้องทำข้อตกลงในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ข้อตกลงเบื้องต้นก่อนการยอมความก่อนการถอนคำร้องทุกข์ หรือการถอนฟ้อง ถ้าทำสำเร็จก่อนจึงค่อยถอนแจ้งความได้

นอกจากนี้ ในกรณี Digital Abuse ที่มีการร่วมกันผลิตและเผยแพร่คลิปอนาจารผ่านกลุ่มลับออนไลน์ตามที่ได้ยกตัวอย่างไปนั้น ยังมีความผิดในคดีสื่อลามกอนาจารเด็กอีกด้วยตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2558 มาตรา 287/1 ผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สัญญาณเตือนเมื่อเกิดเหตุความรุนแรงในครอบครัวที่คนภายนอกอาจมองเห็นและสามารถเข้าช่วยเหลือได้ทัน
– ความรุนแรงระหว่างสามี-ภรรยา ความเครียดและความขัดแย้งกันภายในครอบครัว ก่อให้เกิดความรุนแรงระหว่างสามีภรรยาได้
– ความรุนแรงต่อเด็กทางด้านร่างกาย พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย หากเด็กถูกกระทำรุนแรงทางเพศ อาจพบการตั้งครรภ์ หรือหวาดกลัวผู้ชายในครอบครัว
– ความรุนแรงต่อเด็กทางด้านจิตใจ มีอาการเก็บตัว หวาดกลัว ไม่ไว้ใจใคร ขาดความเชื่อมั่น และพยายามเรียกร้องความสนใจ

หากประสบเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ใครแจ้งได้บ้าง แล้วแจ้งได้ที่ไหนบ้าง ?
ผู้ที่สามารถแจ้งเหตุความรุนแรงได้ ได้แก่
– ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
– ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ 
– ผู้ที่ทราบการกระทำความรุนแรงในครอบครัว
ทุกคนที่ต้องแจ้งเหตุเมื่อพบเห็นหรือทราบการกระทำความรุนแรงในครอบครัว เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ทุกคนต้องกระทำ

ช่องทางการแจ้งเหตุ เช่น
– ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 โทรฟรี 24 ชั่วโมง
– ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม ESS Help Me ไลน์ @esshelpme
– ระบบเพื่อนครอบครัว Family Line @linefamily
– ระบบการคุ้มครองช่วยเหลือเด็ก สตรี และผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว  www.evcis.org
– ศูนย์ปฏิบัติการกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
ส่วนกลาง : กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว โทร. 0-2659-6728
– ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว
ภูมิภาค : สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 76 จังหวัด/บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพฯ และ 76 จังหวัด
– ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191
– ศูนย์พึ่งได้ OSCC ในโรงพยาบาล
– มูลนิธิ/NGO
มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี 0-2577-0500-1, 1134
มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก 0-2412-1196
มูลนิธิเพื่อนหญิง 0-2513-1001
สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ (บ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง) 0-2929-2222

กรณีผู้ถูกกระทำความรุนแรงประสงค์จะดำเนินคดี ให้แจ้งความประสงค์หรือร้องทุกข์ภายในเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่ถูกกระทำความรุนแรงหรือมีโอกาสที่จะร้องทุกข์ได้ 

เนื่องในวันครอบครัวสากล (International Day of Families) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัว โดยเชื่อว่า สังคมที่เข้มแข็งเริ่มต้นจากครอบครัวที่อบอุ่น

โอกาสนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราควรหันกลับมาทบทวน และย้ำเตือนถึงด้านที่เปราะบางของครอบครัว โดยเฉพาะ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักรู้ ส่งเสริมความเคารพซึ่งกันและกัน และสร้างความสุขร่วมกันในบ้านอย่างยั่งยืน

14 พฤษภาคม 2568
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
สำนักข่าวไทย อสมท
เขียนและรวบรวม โดย นัฐภรณ์ ผลพฤกษา

ดูคลิปชัวร์ก่อนแชร์เพิ่มเติม

อ้างอิง
ทุกวันเป็นวันครอบครัว 
https://sorporkor.dwf.go.th/attach/w103/f20210209143726_czSfy4wtBG.pdf
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550
https://sorporkor.dwf.go.th/attach/w103/f20210208175130_wjUzHEYM5b.pdf
คู่มือสื่อรัก สานสายใย ครอบครัวไร้รุนแรง
https://sorporkor.dwf.go.th/attach/w103/f20210209141434_96Fd5TkGS6.pdf
สถิติความรุนแรง ปีงบประมาณ พ.ศ 2567
https://1300thailand.m-society.go.th/statyearly
วันครอบครัวสากล (International Day of Families)
https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/285629
ความรุนแรงในครอบครัว และวิธีการแจ้งเหตุ
https://www.facebook.com/watch/?v=509297568164989
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2558
https://dep.kpo.go.th/law/raberb/pramaun%20law/aya%2024-2558.pdf

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย