คุ้มไหม ? สแกนม่านตาแลกเงิน | ชัวร์ก่อนแชร์ in FOCUS

ปัจจุบันที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในทุกแง่มุมของชีวิต รวมถึงการยืนยันตัวตนของเราในรูปแบบดิจิทัล ด้วย Digital ID กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


หนึ่งในกระแสที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางเมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือ World App แอปพลิเคชันที่ใช้ระบบยืนยันตัวตนที่เรียกว่า World ID ด้วยการ “สแกนม่านตา” เพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ โดยมีผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดิจิทัล ทำให้หลายคนเกิดความสนใจและตั้งคำถามว่า การแลกสแกนม่านตาซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลชีวภาพของเราเพื่อแลกมา คุ้มค่าและปลอดภัยจริงหรือไม่

World ID คืออะไร ?

อาจารย์ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี “World ID” ในรายการชัวร์ก่อนแชร์ PODCAST | THE CYBER MINDSET เอาไว้ว่า


เทคโนโลยี “World ID” พัฒนาโดย Sam Altman CEO ของ OpenAI เจ้าของผู้พัฒนาแชทจีพีที (ChatGPT) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบยืนยันตัวตนที่เรียกว่า World ID เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานเป็นมนุษย์จริง ผู้ที่เข้าร่วมจะต้องสแกนม่านตาผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ในการยืนยันตัวตน ที่เรียกว่าโออาร์บี (Orb) เพื่อรับโทเคน Worldcoin (WLD) เป็นผลตอบแทน ซึ่งผู้ให้บริการจะแปลงม่านตาให้เป็นโค้ดเข้ารหัส (Iris Code) ที่มีความแตกต่าง เพื่อยืนยันว่าผู้ใช้เป็นมนุษย์จริง ๆ และไม่ต้องเปิดเผยตัวตน โดยข้อมูลจะถูกลบจากโออาร์บี (Orb) ทันทีหลังยืนยัน

ภาพจาก https://world.org/th-th/press

ทั้งนี้ อาจารย์ปริญญามองว่าเทคโนโลยีดังกล่าวยังมีทั้งข้อดีและข้อกังวล กล่าวคือ มีข้อดีในการช่วยแก้ปัญหาการปลอมแปลงตัวตนด้วย AI แต่ยังมีข้อกังวล โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าโครงการอาจดึงดูดผู้มีรายได้น้อยให้เข้าร่วมโดยแลกกับเงินจำนวนหนึ่ง และยังมีความกังวลด้านความเสี่ยงและความปลอดภัย รวมถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น

  • ข้อมูลม่านตาเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากรั่วไหลในอนาคตจะไม่สามารถแก้ไขได้
  • หลายประเทศ เช่น ฮ่องกงและโปรตุเกส ได้สั่งระงับโครงการและลบข้อมูลแล้ว โดยมีประเด็นเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

คำแนะนำ: อาจารย์ปริญญาแนะนำว่าการเข้าร่วมโครงการเช่นนี้เป็นการบริหารความเสี่ยงที่แต่ละบุคคลต้องพิจารณาเอง โดยตัวอาจารย์เองเลือกที่จะไม่เข้าร่วมเนื่องจากมองว่าข้อมูลสำคัญที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ไม่ควรนำไปแลกกับสิ่งเหล่านี้


หลายประเทศยังมีความกังวล

ในปัจจุบัน เนื่องจากการสแกนม่านตาเพื่อสร้าง World ID เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้หากรั่วไหล และมีความเสี่ยงสูง จึงมีหลายประเทศ ที่มีกฎระเบียบและห้ามใช้ เช่น ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร สเปน โปรตุเกส และเคนยา

TIME และ Reuters ได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการของประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว

ข้อมูลจาก TIME ในบทความ What to Know About Worldcoin and the Controversy Around It ระบุว่า
https://time.com/6300522/worldcoin-sam-altman

  • เคนยาเป็นประเทศแรกที่สั่งระงับกิจกรรมของ Worldcoin และรัฐบาลได้เปิดการสอบสวนหลายหน่วยงานเกี่ยวกับการดำเนินงานของโครงการนี้

บทความ Scrutiny of iris-scanning crypto project Worldcoin grows ของ Reuters
https://www.reuters.com/technology/scrutiny-iris-scanning-crypto-project-worldcoin-grows-2023-09-01/

  • หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของสเปน (AEPD) สั่งแบน World coin ชั่วคราวเป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือน โดยสั่งให้หยุดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล และหยุดใช้ข้อมูลที่เก็บมาแล้ว
  • หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของโปรตุเกส (CNPD) สั่งให้ Worldcoin หยุดเก็บข้อมูลชีวมิติเป็นเวลา 90 วัน
  • ในอาร์เจนตินา หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูล (Agencia de Acceso a Informacion Publica: AAIP) เคยประกาศว่ากำลังสอบสวน Worldcoin เกี่ยวกับการเก็บ การจัดเก็บ และการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
  • หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของสหราชอาณาจักร ระบุเมื่อเดือน กรกฎาคม 2566 ว่าจะตรวจสอบ Worldcoin
  • สำนักงานคุ้มครองข้อมูลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ทำการตรวจสอบที่สำนักงาน Worldcoin ในปารีส ก่อนหน้านี้ CNIL เคยกล่าวว่าทราบถึงโครงการ Worldcoin และตั้งข้อสงสัยว่าการเก็บข้อมูลชีวมิติอาจ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
  • หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาวาเรีย ระบุว่าเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการสอบสวน Worldcoin ภายใต้กฎการคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรป เนื่องจากบริษัท Tools For Humanity (บริษัทเบื้องหลัง Worldcoin) มีบริษัทย่อยในเยอรมนี

“ม่านตา” ทรัพย์สินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูง

คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวถึงมุมมองในกรณีการสแกนม่านตาเพื่อรับโทเคนดังกล่าวกับชัวร์ก่อนแชร์ ว่า 

แม้ปัจจุบัน การสแกนม่านตาในลักษณะดังกล่าว ยังไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายในประเทศไทย เนื่องจากผู้ยินยอมสแกนม่านตา แสดงความยินยอมด้วยตนเอง แต่ม่านตาเป็นทรัพย์สินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบและยอมแลกในราคาที่ถูกมาก หากเปรียบ 1,000 โทเคน เท่ากับประมาณ 1,000 บาท 

ทั้งนี้ ม่านตาจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลชั้นสูงสุด ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบได้หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น การสร้าง Deepfake ในหลายประเทศ เช่น สเปน บราซิล อินเดีย เยอรมนี โปรตุเกส เคนยา โคลอมเบีย และอินโดนีเซีย ยังไม่อนุญาตให้มีการสแกนม่านตาเพื่อเก็บข้อมูลบุคคล

สแกนม่านตาไปแล้วเกิดความกังวล ทำอะไรได้บ้าง ?

หากเข้าร่วมโครงการ World App และได้สแกนม่านตาไปแล้ว แต่เกิดความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว สามารถตรวจสอบเงื่อนไขการจัดเก็บข้อมูลและติดตามความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ดังกล่าวได้

ตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Worldcoin อีกครั้ง เพื่อดูว่ามีเงื่อนไขหรือกระบวนการใดที่อนุญาตให้ผู้ใช้ ขอให้ลบข้อมูล ม่านตาของตนเองออกจากระบบได้หรือไม่ โดยปกติแล้วเว็บไซต์จะมีส่วน “Privacy Policy” หรือ “Terms of Service” ที่อธิบายเรื่องนี้ไว้

ติดตามความเคลื่อนไหวของ World อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทราบว่าทางโครงการมีการนำข้อมูลไปใช้ในรูปแบบใด และมีมาตรการป้องกันข้อมูลอย่างไรบ้างในอนาคต

ทั้งนี้ คุณสารี อ๋องสมหวัง ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการให้ความยินยอมแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประกอบการ สามารถรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล รวมถึงระงับการใช้ข้อมูลได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เช่น
มาตรา 33 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลได้ เมื่อ
– ข้อมูลหมดความจำเป็นต่อวัตถุประสงค์ที่เก็บ ใช้ หรือเปิดเผย
– เจ้าของข้อมูลถอนความยินยอม และผู้ควบคุมข้อมูลไม่มีสิทธิทางกฎหมายที่จะเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยต่อไป
– เจ้าของข้อมูลคัดค้านการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผย และผู้ควบคุมข้อมูลไม่สามารถปฏิเสธคำขอได้ตามที่กฎหมายกำหนด
– ข้อมูลถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หากผู้บริโภคมีข้อสงสัย หรือเจอปัญหา สามารถติดต่อสภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อปรึกษาและร้องเรียนได้ที่ สายด่วน 1502 หรือติดตามข่าวเตือนภัยผู้บริโภค รวมถึงข่าวอื่น ๆ เกี่ยวกับผู้บริโภคได้ที่ เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/ สภาองค์กรของผู้บริโภค

บัญชีเฟซบุ๊ก World Thailand ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเทคโนโลยี World ID พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลม่านตาจะถูกแปลงเป็น Iris Code ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้และจะถูกลบหลังการยืนยันทันที

https://www.facebook.com/share/p/1DJxvG3G7N/

“Iris Code คือรหัสตัวเลขดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากลวดลายบนม่านตาของคุณ ซึ่งมีความเป็น เอกลักษณ์เฉพาะบุคคล สูงมาก 👁️💡 กระบวนการสร้าง Iris Code:
* จับภาพม่านตาคุณภาพสูง: ใช้แสงอินฟราเรดใกล้เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด ✨
* ประมวลผลภาพ: ใช้อัลกอริทึมและ AI Model Deep Learning เพื่อระบุขอบเขตและแยกคุณลักษณะของม่านตา จากนั้นแปลงภาพเป็นรหัส Binary (เลขฐานสอง) ความยาวประมาณ 12,800 บิต ซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ไม่ซ้ำกัน 🔢

🛡️ความปลอดภัยของ Iris Code:
* ความเป็นเอกลักษณ์สูง: โอกาสที่คนสองคนจะมีม่านตาซ้ำกันนั้นน้อยมากๆ 🙅‍♀️แม้แต่ฝาแฝดแท้ก็ยังมีม่านตาไม่เหมือนกัน 👯
* ความเสถียร: ลวดลายม่านตาแทบไม่เปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต ⏳
* การทำลายภาพต้นฉบับ: หลังจากสร้าง Iris Code แล้ว ภาพม่านตาต้นฉบับจะถูกทำลายทิ้งทันที 🗑️* One-way Function: Iris Code ไม่สามารถแปลงย้อนกลับไปเป็นภาพม่านตาได้ ทำให้ไม่สามารถรู้ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของได้ 🔒
* Secure Multi-Party Computation (SMPC/AMPC): Iris Code จะถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน เข้ารหัส และกระจายไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หลายแห่ง ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงหรือประกอบ Iris Code ฉบับสมบูรณ์ได้ 100% 💻
* ป้องกันการลงทะเบียนซ้ำ: ระบบจะตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการสร้าง Iris Code ซ้ำจากดวงตาเดิม 🚫
* Zero-Knowledge Proof (ZKP): ในระบบ World ID ที่ใช้ Iris Code สามารถยืนยันความเป็นมนุษย์ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนจริง 👤

โดยสรุป Iris Code ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ ยืนยันความเป็นมนุษย์ในโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวสูง 🌐✨

ทาง World ขอยืนยันว่า World ID ใช้เทคโนโลยีที่ ปลอดภัย ข้อมูลม่านตาจะถูกแปลงเป็น Iris Code ที่ ไม่สามารถย้อนกลับได้ และจะถูกลบ หลังการ ยืนยันทันที ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว

ปรับปรุงข้อมูล : 16 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น.
เพิ่มรายละเอียดประเทศที่แสดงความกังวล และคำชี้แจงจาก World Thailand

#สภาผู้บริโภค #เพื่อนผู้บริโภค

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบได้ที่ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”

16 สิงหาคม 2568
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
สำนักข่าวไทย อสมท
รวบรวมและเรียบเรียง โดย นัฐภรณ์ ผลพฤกษา

ข้อมูลจาก
Digtal ID ในยุค AI | ชัวร์ก่อนแชร์ PODCAST | THE CYBER MINDSET
https://youtu.be/Eu5ATHRWS7w?si=WZlSX23LV4E85d0H

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/069/T_0052.PDF

What to Know About Worldcoin and the Controversy Around It
https://time.com/6300522/worldcoin-sam-altman/

Scrutiny of iris-scanning crypto project Worldcoin grows
https://www.reuters.com/technology/scrutiny-iris-scanning-crypto-project-worldcoin-grows-2023-09-01/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เพื่อไทย เสนอสูตรใหม่ โหวต “ชัยเกษม” แลกยุบสภาทันที

รัฐสภา 4 ก.ย.-เพื่อไทย เสนอสูตรใหม่ ชวน ปชน. โหวต “ชัยเกษม” แลกยุบสภาทันทีหลังแถลงนโยบาย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณถึงการบรรจุวาระโหวตนายกฯ ไว้ต่อที่ประชุมสภาฯ วันที่ 5 ก.ย. นี้ ว่า เข้าใจว่าอาจจะมีการเสนอให้เลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาพิจารณา แต่พรรคเพื่อไทยจะขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระและไม่ยอมให้เลื่อนวาระขึ้นมาพิจารณาก่อน อย่างไรก็ดีเชื่อว่าหากมีการลงมติจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอ นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่าตนได้รับการประสานมาจากพรรคประชาชน ให้ขอให้พรรคเพื่อไทยยืนยันต่อการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ต่อที่ประชุมสภาฯ ขณะเดียวกันนั้นได้เรียกร้องว่าหาก นายชัยเกษมได้เป็นนายกฯ หลังการแถลงนโยบายแล้วต้องประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ทันที “ตอนนี้มีข้อเสนอแบบนี้หหลังจากที่แถลงนโยบาย เราจะยุบสภาทันที หากพรรคประชาชนไม่อยากให้เกิดปัญหา กรณีที่ชาวบ้านไม่ยอมรับ ต้องทำตามนี้ ส่วนหนึ่งที่ต้องทำแบบนี้ เพื่อให้นายกฯ ของพรรคเพื่อไทยมีอำนาจยุบสภา หลังจากที่ขณะนี้มีปัญหา” นายวิสุทธิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ห้องประชุมสภา คึกคัก “อนุทิน” เดินทักทายรอบห้อง

รัฐสภา 4 ก.ย.-ห้องประชุมสภาฯ คึกคัก “อนุทิน” เดินทักทายรอบห้อง ไม่เว้นโซน “เพื่อไทย” ขณะที่ สส.พรรคประชาชน บอกลำบากใจโหวต ให้ “เสี่ยหนู” แต่จำเป็นเพื่อผ่าทางตัน พร้อมฝากถึง “แพทองธาร” สารตั้งต้นปัญหา ควรรับผิดชอบมากกว่านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาเดือดร้อน โดยบรรยากาศ เป็นไปด้วยความคึกคัก เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการเลือกกันในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เดินเข้าห้องประชุมเมื่อเวลา 09.20 น.ได้เดินทักทาย สส.พรรคภูมิใจไทย และมีการถ่ายภาพหมู่ในห้องประชุม จากนั้นได้เดินทักทายพูดคุยกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และ สส.พรรคประชาชน ในที่นั่งของพรรครวมไทยสร้างชาติ และที่นั่งพรรคประชาชน ขณะที่มี สส.ส่วนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักทาย จับมือ แสดงความยินดีล่วงหน้าที่นายอนุทิน จะได้รับการโหวตเป็นนายกฯ นอกจากนั้นนายอนุทิน ยังเดินไปทักทายพูดคุยกับ สส.พรรคเพื่อไทย เช่น […]

รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิด “เขากระโดง”

ดีเอสไอ 3 ก.ย.-รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิดเรื่องเขากระโดงไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00น. ล่าสุดพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ติดป้ายให้ ‘ชาวกัมพูชา’ รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน

สระแก้ว 4 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งติดป้ายให้ชาวกัมพูชา รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน ในส่วนของไทย หากฝ่าฝืนเอาผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง-ป่าไม้ โทษปรับ-จำคุก เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จ.สระแก้ว ติดตั้งประกาศบังคับใช้กฎหมายชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยป้ายมี 3 ภาษา ไทย-กัมพูชา-อังกฤษ พร้อมแผนที่ ระบุว่า “ประกาศให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกถือครองที่ดินและอยู่อาศัยทำกินในราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ตามแผนที่แนบท้ายกรอบสีฟ้า หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายดังนี้ 1.พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 […]