พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา มองโอกาสนำไทยสู่จอเรดาร์โลก
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการพูดถึงถ้อยแถลงในที่ประชุม ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบทบาทของไทยในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่า การต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เดิมทีจะใช้ถ้อยแถลงใน UNGA เพื่อบอกว่าไทยอยากเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทำให้เกิดข้อตกลงเรื่องการรักษาข้อตกลงหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป้าหมายของไทยคือ การสร้างความปลอดภัยและนำความสงบมาสู่ชายแดน หากต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้ข้อตกลงต่างๆ เป็นรูปธรรม ก็คิดว่าไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปรับความสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ซึ่งมีเนื้อหาที่นายสีหศักดิ์ บอกว่า ตรงข้ามกับสิ่งที่พูดระหว่างการหารือก่อนหน้านี้ที่บอกว่า ทั้งสองประเทศจะมองไปข้างหน้า เน้นการพูดคุยและความไว้เนื้อเชื่อใจ กัมพูชายังคงนำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียว และพยายามสร้างความได้เปรียบในเวทีระหว่างประเทศ พยายามทำให้ปัญหาทวิภาคีกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ อาทิ นายปรัก กล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มความขัดแย้งและการปะทะกันล่าสุด ซึ่งไม่ใช่ความจริง ทำให้ตนต้องปรับถ้อยแถลงที่จะขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม UNGA เพื่อบอกว่า สิ่งที่กัมพูชาทำมาโดยตลอด คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อพยายามบอกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายถูกกระทำ ซึ่งตนได้กล่าวในถ้อยแถลงว่า ผู้ถูกกระทำที่แท้จริงคือเหยื่อคนไทย เช่น ทหารไทยที่เหยียบทุ่นระเบิด เด็กนักเรียนในโรงเรียนที่ถูกโจมตี หรือพลเรือนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกัมพูชา
นายสีหศักดิ์ เล่าถึงที่มาของกรณีหมู่บ้านหนองจาน ต่อที่ประชุม UNGA ว่า ไทยเปิดชายแดนให้ชาวกัมพูชาเข้ามาพักอาศัย เพื่อหนีภัยสงครามกลางเมือง เมื่อสงครามจบลง ไทยพยายามขอให้ชาวกัมพูชาเคลื่อนย้ายกลับไปหลายครั้ง แต่กัมพูชาก็ไม่ได้รับฟัง ซึ่งนี่เป็นต้นตอของปัญหา ในถ้อยแถลงจึงถามไปยังกัมพูชาว่า สองประเทศของเราจะไปในเส้นทางไหน ระหว่างเส้นทางแห่งความขัดแย้ง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพ ก็ขึ้นอยู่กับกัมพูชาว่าจะเลือกทางไหน แต่ไทยเลือกเส้นทางสันติภาพ
ในห้วงการร่วมประชุมครั้งนี้ที่มีการประชุม 4 ฝ่าย ระหว่าง สหรัฐ มาเลเซีย ไทย และกัมพูชา นายสีหศักดิ์ เล่าว่า การประชุมนี้เป็นแนวคิดของสหรัฐ ซึ่งไทยก็เปิดกว้างยินดีกับชาติมหาอำนาจใดก็ตามที่อยากมีบทบาทสร้างสรรค์ในเรื่องนี้ เป็นการประชุมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ซึ่งไทยบอกกับที่ประชุมว่า อยากเห็นความคืบหน้าในสิ่งที่ได้พูดคุยและตกลงกันเอาไว้ มาเลเซียในฐานะประธานการประชุมก็เห็นตรงกันว่า ไทย-กัมพูชา ต้องพูดคุยกันเอง ไม่ใช่ร้องเรียนต่อประชาคมโลก สุดท้ายแล้วเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นเรื่องระหว่างสองประเทศ หรืออย่างมากก็อาเซียน เราควรแก้ไขปัญหาในภูมิภาคของเราให้ได้
สำหรับคำถามว่า รัฐบาลไทยชุดใหม่จะดำเนินนโยบายเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างไร นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงกำลังไปในทางเดียวกัน ต้องพูดในเสียงเดียวกัน การทูตและการทหารต้องไปทางเดียวกัน ในช่วงที่การทูตยังเดินหน้าไม่ได้ เพราะสถานการณ์ยังไม่อำนวย เราก็ต้องสนับสนุนการดำเนินงานของฝ่ายทหาร เราต้องชี้แจงต่อประชาคมโลกว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ตนหวังว่าวันหนึ่งพื้นที่ทางการทูตจะเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อให้เกิดการเจรจาเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกันและเดินหน้าต่อไปได้ แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องให้ความร่วมมือด้วย จึงจะเกิดประโยชน์ สุดท้ายแล้วไทยและกัมพูชาต้องเป็นเพื่อนบ้านกันต่อไป แต่ใดๆ ก็ตาม เราต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ในเรื่องภาพรวมของการประชุมครั้งนี้ ซึ่งครบรอบ 80 ปีของการก่อตั้งยูเอ็น นายสีหศักดิ์ เล่าว่า นี่เป็นช่วงที่บทบาทของยูเอ็นมีข้อจำกัดอยู่มาก เพราะโลกกำลังเปลี่ยนแปลง ประเทศต่างๆ อาจลืมกติการะหว่างประเทศ หรือลืมความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ ดังนั้น เราต้องมองอย่างจริงจังว่าจะช่วยให้ยูเอ็นมีบทบาทมากขึ้นอย่างไร สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับประเทศสมาชิกว่าจะยึดมั่นกับความร่วมมือระหว่างประเทศหรือกติการะหว่างประเทศอย่างไร การมาประชุมครั้งนี้ เราบอกถึงความต้องการให้ระบบพหุภาคีมีความเข้มแข็ง หัวใจของพหุภาคี คือ ยูเอ็นและองค์กรต่างๆ ซึ่งไทยอยากสนับสนุน แต่ก็อยู่ที่ทุกๆ ประเทศ โดยเฉพาะมหาอำนาจที่จะเห็นความสำคัญของความร่วมมือในกรอบยูเอ็น เพื่อที่เราจะได้เดินหน้าไปด้วยกัน
กับคำถามที่ว่า จะทำอย่างไรให้ไทยกลับไปอยู่ในเรดาร์ของโลกอีกครั้ง ท่ามกลางความปั่นป่วนของระบบพหุภาคีและภูมิรัฐศาสตร์ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ส่วนหนึ่งอยู่ที่เรา หากการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น ตอนนี้รัฐบาลมีมาตรการระยะสั้น แต่ก็ไม่ได้ละเลยการวางรากฐานระยะยาว เช่น การปรับโครงสร้าง การหาพลวัตใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว การหาพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เรามีศักยภาพ ตนได้ย้ำกับภาคธุรกิจของสหรัฐว่า รัฐบาลไทยจะใช้ 4 เดือน ให้มีความหมาย แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และขับเคลื่อนประเทศไทย ไทยยังเป็นโอกาสให้เขาเข้ามาลงทุนมากขึ้น.-312-สำนักข่าวไทย