กรุงเทพฯ 25 พ.ย.-สปสช.กรมการแพทย์ เตรียมความพร้อมยกระดับผู้ป่วยมะเร็งสิทธิบัตรทองเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลที่รักษาโรค มะเร็งที่ไหนก็ได้ที่พร้อม ดีเดย์ 1ม.ค.64
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการจัดระบบบริการกรณีผู้ป่วยโรงมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง)ที่จะส่งตรงถึงโรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็ง ขณะนี้ สปสช.และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.64 ซึ่งได้เตรียมการรองรับทั้งในส่วนของระบบบริการ ระบบข้อมูล และการจ่ายชดเชย
สำหรับระบบบริการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ในการยกระดับระบบบัตรทอง 4บริการ ประกอบด้วย 1.คนกรุงรักษาทุกที่ ณ เครือข่ายหน่วยบริการชุมชนอบอุ่น 2. ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว เริ่มในเขต 9 นครชัยบุรินทร์ 3. มะเร็งรักษาได้ทุกที่ที่มีความพร้อม 4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า เป้าหมายทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชน เมื่อป่วยที่ไหนแล้วสามารถได้รับบริการตรงนั้น ไม่ต้องแยกใช้สิทธิตามหน่วยบริการที่ลงทะเบียน โดยที่หน่วยบริการจะปรับระบบบริการและระบบข้อมูล ส่วน สปสช.จะปรับระบบการจ่าย ที่สอดคล้องกับระบบบริการและระบบข้อมูลใหม่ ให้มีความรวดเร็ว และเป็นรูปธรรม นำ ไปสู่การที่จะต้องไม่มีผู้ป่วยอนาถา ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ต้องอยู่ด้วยศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะยากดีมีจน ตามนโยบายของ รมว.สาธารณสุข
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า กระบวนการขั้นตอนของ สปสช.จะใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดเพื่อตรวจสอบตัวตนผู้ป่วยและยืนยันการเข้ารับบริการ โดยขอบเขตบริการครอบคลุมการตรวจวินิจฉัยและยืนยันผล(confirm diagnosis) การกำหนดแบ่งระยะของโรค(Staging) การผ่าตัด การให้เคมีบำบัด ฮอร์โมนบำบัด รังสีรักษา การรักษาภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาหรือโรคมะเร็ง การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจทางรังสีเพื่อประเมินผลระหว่างการรักษาและการนัดเพื่อติดตามผลการรักษา (follow up) ตามที่ สปสช. ได้ประชุมร่วมกับกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากโรงพยาบาลต่างๆ และผู้แทนจากภาคประชาชน ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขร่วมกัน
“นโยบายใหม่นี้ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับประโยชน์ที่สำคัญ คือสามารถเลือกโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาตามที่สะดวก ใกล้บ้าน ได้รับการรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด ไม่ต้องกลับไปหน่วยบริการประจำเพื่อขอใบส่งตัว รวมถึงการได้รับการรักษาที่ครบวงจรในหน่วยบริการที่มีศักยภาพ มีคุณภาพมาตรฐาน สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวและว่าในวันที่ 9 ธันวาคม 2563 จะมีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHosNet) และ สปสช.
ทั้งนี้ ข้อมูลหน่วยบริการมีศักยภาพและมีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 228 แห่ง แบ่งเป็นหน่วยบริการเฉพาะด้านรังสีรักษาจำนวน 36 แห่ง หน่วยบริการให้เคมีบำบัดระดับที่ 1 จำนวน143 แห่ง (และใน 143 แห่ง มีความพร้อมในการให้บริการรักษาที่บ้านสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ จำนวน 7แห่ง) หน่วยบริการให้เคมีบำบัดระดับที่ 2 จำนวน 16 แห่ง หน่วยบริการให้เคมีบำบัดระดับที่ 3 จำนวน 5 แห่ง และหน่วยบริการที่ให้ฮอร์โมน Tamoxifen ในมะเร็งเต้านม จำนวน 28 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2563) .-สำนักข่าวไทย