นนทบุรี 18 ส.ค. – “ทนายรณณรงค์” เผย “สาวบิว” โพสต์อ้างป่วยมะเร็ง ขอรับบริจาคเงินเพื่อเป็นค่าเคมีบำบัดและยามุ่งเป้า หากบุคคลใดรับโอนเงินต่ออาจถูกแจ้งข้อหาหนัก
จากประเด็น “บิว” หญิงสาวที่โพสต์อ้างป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 ขอรับบริจาคเงินเพื่อเป็นค่าเคมีบำบัดและยามุ่งเป้า 18 เข็มๆ ละ 30,000 บาท รวมกว่า 520,000 บาท และค่ายากระตุ้นเม็ดเลือดขาวครั้งละ 7,000 บาท ซึ่งอยู่นอกสิทธิประกันสังคม จนมีผู้บริจาคช่วยเหลือจนยอดพุ่งสูงถึงกว่า 1.6 ล้านบาท ภายในวันเดียว แต่เรื่องโป๊ะแตกเมื่อทางโรงพยาบาล 2 แห่ง ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าผู้ป่วยได้รับสิทธิรักษาตามมาตรฐาน ไม่ได้มีการเรียกเก็บค่ารักษาหรือค่ายาเพิ่มเติม เรื่องนี้จึงทำให้ถูกตั้งขอสังเกตว่าเงินบริจาคเหล่านี้ถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่
วันนี้ (18 ส.ค.) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความผิดเรื่องการรับบริจาคที่ไม่โปร่งใสว่า ในกรณีของบิว จะเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดย 2 คดีนี้มีอัตราโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท ยอมความไม่ได้ ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร การเปิดบริจาคโดยไม่ขออนุญาต เป็นความผิดลหุโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และบุคคลอื่นที่รับโอนเงินไปจากบัญชีของบิว หากบิวมีความผิดเรื่องฉ้อโกงประชาชน คนที่รับเงินไว้อาจจะถูกข้อหารับของโจร หรือร่วมกันฟอกเงิน แต่ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น ถ้าคนแห่กันไปแจ้งความ ส่วนโอนเงินยอดน้อย แจ้งความได้หมด ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
“ทนายรณณรงค์” พาหนุ่มบริจาคเงินให้ “บิว” ไปแจ้งความ
เมื่อคืนนี้ (17ส.ค.) เวลา 20.00 น. ทนายรณณรงค์ พานายกร อาชีพช่างภาพ ที่เป็นหนึ่งในผู้บริจาคให้บิว ไปแจ้งความที่ สภ.บางกรวย ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
นายกร เล่าว่า เห็นโพสต์ของบิว วันที่ 15 ส.ค. จึงตัดสินใจโอนเงินช่วยเหลือ 200 บาท เพราะสงสาร แต่พอทราบเรื่องพบพิรุธในการโอนย้ายเงินเข้าบัญชีของแม่ ทำให้รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่เดือดร้อนจริงๆ แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ เรื่องแบบนี้จะทำให้สังคมไม่กล้าบริจาคอีกในอนาคต จึงแจ้งความไว้เป็นคดีตัวอย่าง.-สำนักข่าวไทย