สธ.29 ก.ค.-สธ.พบป่วยติดโควิดเป็นทหารกลับมาจากฝึกที่ฮาวาย ย้ำไทยมีโอกาสติดเชื้อรอบ 2 แต่ต้องควบคุมให้อยู่ จับตาดานัง หวังเป็นบทเรียนไทย ในการใช้คุมระบาดระลอก 2
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 1 คนเป็นผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้พบผู้ป่วยสะสม รวม 3,298 คน หายแล้ว 3,111 คน และเหลือรักษาพยาบาล 129 คน โดยเป็นทหารไทย เดินทางกลับมาจากฮาวาย จากการฝึก กลับเข้าไทยวันที่ 22 ก.ค.พักใน state quarantine ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 27 ก.ค. เริ่มมีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ
ทั้งนี้ ประเทศไทย พบคนป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว อายุ 20-49 ปี พบในชายมากหญิง การแพร่ระบาดของไทย เริ่มพบเป็นกลุ่มก้อน ในเดือนมีนาคมและผู้พบผู้ป่วยคนสุดท้ายในไทย ติดเชื้อในประเทศ ในวันที่ 25 พฤษภาคม จากนั้นไม่พบ ผู้ป่วยมาระยะหนึ่งแล้ว
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลก พบว่า มีผู้ป่วยมากขึ้น โดยในเอเชีย ได้แก่ อินเดีย 50,000 คน รองลงมา ปากีสถาน และ บังคลาเทศ ส่วนในอาเซียน อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยทั่วโลกพบผู้ป่วยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.5แสนคนต่อวัน และใน 4-5 วันพบผู้ป่วย1ล้าน และจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ จะค่อยพบผู้เสียชีวิต ซึ่งบางคนคิดว่า อัตราการป่วยเสียชีวิตน้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพียงแต่อัตราการป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราเสียชีวิตมักตามหลังเสมอ ทำให้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด คิดว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดีขึ้น เพราะจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นทันที
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังจับตาดูการสอบสวนโรคของดานัง เวียดนาม เนื่องจากไม่พบจำนวนผู้ป่วยมาแล้ว 100 วัน และกลับมาพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 10 รายต่อวัน ซึ่งไทยต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ เพื่อมาประยุกต์ใช้รับมือ หากเกิดการระบาดระลอก 2 ในไทย ส่วนในจีนก็มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับฮ่องกง มีการใช้มาตรการสังคม ภาคบังคับ ปิดและสร้างระยะห่างทางสังคม พร้อมย้ำไทยมีโอกาสที่จะกลับมาพบผู้ป่วยได้อีก ไม่ใช่จะไม่เจอผู้ป่วยเลย แต่ต้องเป็นการระบาดในวงจำกัด และต้องสามารถควบคุมป้องกันโรคได้ ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ฉะนั้นเป้าหมายไม่ใช่ไม่เจอผู้ป่วย แต่ต้องตอบโต้ให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันโรค
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า มาตรการระดับบุคคลก็สำคัญต้องตระหนักไม่เดิน ทางไปสถานที่แออัด ออกไปภายนอกสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หมั่นล้างมือ รับประทานอาหารร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ส่วนมาตรการระดับองค์กร ควรมีความตระหนักและเตรียมรับมือหากมีการระบาดระลอก 2 เตรียมให้มีการเหลื่อมเวลาทำงานหรือการทำงานอยู่กับบ้าน ซึ่งปัจจุบันสถานที่ราชการปฏิบัติกันอยู่และส่งเสริมให้มีการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อต่อไปเกิดการแพร่ระบาดของโรค จะได้ไม่เกิดปัญหาในอนาคต
ทั้งนี้ มาตรการที่สำคัญที่สุดในการป้องกันโรค จากนั้นคือการป้องกัน ค้นหา รักษาและควบคุมโรค ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินการมากที่สุด คือการป้องกันและค้นหา โดยเน้นการตรวจค้นผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและปอดอักเสบ
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สำหรับโอกาสที่ไทยจะกลับมาเจอการระบาดระลอก 2 นั้น ขั้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก 1.การติดเชื้อในประเทศ ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ที่ไทยจะยังมีการหลงเหลือของผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ดังนั้นต้องมีการค้นหา เฝ้าระวังให้ดี โดยการค้นหาผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ หรือ ปอดอักเสบ 2.ผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มนี้อยู่ใน state quarantine 3 กลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด เพราะอาจมีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และไม่มีการตรวจจับเฝ้าระวัง ทั้งนี้เมื่อมีการผ่อนปรนมาตรการ ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว เพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อน ฉะนั้นตรงส่วนนี้ต้องดูแลให้ดี มีการเข้มงวดในมาตรการ การกักตัว 14 วัน ตามแนวพรมแดน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและในกรณีนายจ้างรับแรงงานเข้ามา ต้องมีสถานที่กักตัวเฝ้าระวังให้ชัดเจนปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขกำหนด .-สำนักข่าวไทย