10 มี.ค.-วันนี้พบจุดเผาป่ามากถึง 50 จุด ส่งผลฝุ่นปกคลุมทั่วเชียงใหม่ ส่วนเชียงราย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ส่งเครื่องบินลาดตระเวนช่วยภาคเหนือ ชี้เป้าจุดเกิดไฟไหม้ ด้านกรมอุทยานแห่งชาติฯ ย้ำเผาป่า มีความผิด โทษหนัก
ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 15 (เชียงราย) หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา หลังเกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและหมอกควันในระดับสูงติดต่อกันหลายวัน วันนี้เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย พบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีค่า 109 มคก./ลบ.ม. ส่วนฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่าอยู่ที่ 151 มคก./ลบ.ม. ส่วนที่ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีค่า 99 มคก./ลบ.ม. และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่า 134 มคก./ลบ.ม. มีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 15 (เชียงราย) ใช้เครื่องบินของศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลอากาศยานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บินลาดตระเวนวิเคราะห์สถานการณ์ และแจ้งข่าวสาร แก่เจ้าหน้าที่ดับไฟภาคพื้นดินในส่วนที่เกี่ยวข้อง พื้นที่อุทยานแห่งชาติ วนอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า จัดตั้งห้องควบคุมสถานการณ์ ติดต่อกับอากาศยานแจ้งข้อมูลทางอากาศให้รับทราบ สามารถปฏิบัติงานได้ทันที 24 ชั่วโมง จากการขึ้นบินพบว่าเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ จ.พะเยา รวม 21 จุด อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ 13 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 7 จุด และพื้นที่เกษตรอื่นๆ 1 จุด เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า 12-14 มี.ค. จะมีฝนตกและพายุลมพัดแรงในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้เกษตรกรเร่งเผาพื้นที่การเกษตรมากขึ้น
พื้นที่ จ.เชียงใหม่ พบการเผามากถึง 50 จุด กระจายนับ 10 อำเภอ พื้นที่ อ.ฮอด 11 จุด อ.เชียงดาว 9 จุด พื้นที่ อ.สันทราย อมก๋อย แม่แตง อำเภอละ 5 จุด เริ่มแสบตาแสบจมูก หายใจติดขัดรุนแรง ค่ามลพิษยังสูงในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน หรือค่า PM2.5 อยู่ระหว่าง 78 – 92 มคก./ลบ.ม. สูงสุดอยู่ที่ อ.ฮอด 127 มคก./ลบ.ม. จนค่ามลพิษยังติดอันดับต้นๆ ของโลก นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ต้องเข้ามาใช้ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เป็นห้องปลอดฝุ่น มีเครื่องปรับอากาศ ส่วนร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานศึกษาหรือห้างร้านต่างๆ ทำห้องปลอดฝุ่น เพื่อให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการ
ด้านกรมอุทยานแห่งชาติฯ ปิดอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 88 แห่ง เป็นอุทยานแห่งชาติ 43 แห่ง เตรียมการอุทยานแห่งชาติ 9 แห่ง วนอุทยาน 11 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 22 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 3 แห่ง เพื่อดับไฟป่า จนลดความรุนแรงได้หลายพื้นที่ ยืนยันดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อ ผู้จุดไฟเผาป่าเป็นความผิดที่มีโทษหนัก ย้ำว่าไม่ให้ประชาชนเข้าไปเก็บของป่า นำวัวเข้าไปเลี้ยง หรือจงใจจุดไฟเนื่องจากเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด บทลงโทษของ บุคคลใดที่เผาป่าในอุทยานฯ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 41 หากพบเห็นไฟป่า หรือการกระทำที่ก่อให้เกิดไฟป่า แจ้งสายด่วนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง