“อนุทิน” เผยมติเอกฉันท์ เลื่อนถก กม.สถานบันเทิงฯ

ทำเนียบ 8 เม.ย.-“อนุทิน” เผยหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมติเอกฉันท์ เลื่อนถก กม.สถานบันเทิงฯ ออกไปก่อน ชี้กำแพงภาษีสหรัฐฯ สำคัญกว่า รอคุยในสภาพรุ่งนี้ จากนี้เร่งทำความเข้าใจคนเห็นต่าง ส่วนจุดยืนภูมิใจไทย ตอบเพียงว่า ผ่าน ครม.แล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เล่าบรรยากาศการหารือของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล กับ นายกรัฐมนตรี ก่อนจะตัดสินใจ เลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) ว่า เป็นการหารือกันในบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล หลังการประชุม ครม. โดย นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล เป็นผู้ขอหารือ


เมื่อถามว่า ใครเป็นคนนำเสนอ ถึงเป็นที่มาของการเลื่อนพิจารณา นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่า นายกฯ มีในใจอยู่แล้ว อย่างที่ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลไม่ได้ฟังเฉพาะคนที่พูดแล้วเป็นไปในทางเดียวกับรัฐบาลเท่านั้น ใครเห็นต่างก็ต้องฟังหมด เพราะเราเป็นรัฐบาล เราเลือกให้ความสำคัญกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้

เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะมีคนออกมาคัดค้านกันเยอะใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันมีเหตุมีผล ซึ่งร่างกฎหมายนี้ผ่าน ครม.ไปแล้ว ก็ต้องถือว่ามันคือร่างของรัฐบาล มีความสำคัญ เข้าไปสภาแล้ว ผ่านที่ประชุมวิปแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายค้านก็มีการเสนอเรื่องการดูแลประชาชนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเข้ามา ซึ่งฝ่ายรัฐบาลและตนที่เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ก็ให้คำยืนยันกับ นายกฯ ว่า เรื่องการดูแลประชาชน การเยียวยา การบริหารสถานการณ์ ทางกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องให้ความสำคัญอย่างเต็มที่และสูงสุด และเราก็ได้ฟังฝ่ายค้านพูดถึงความจำเป็น ความห่วงใยประชาชน และเราทำงานอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเลื่อนขึ้นมาพิจารณา


หลังจากนั้นก็มีเรื่องมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ตามมา ซึ่งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นห่วงเรื่องนี้มาก จึงจะเสนอญัตตินี้เข้าไป เมื่อเสนอก็ต้องมีการเลื่อนขึ้นมา ซึ่งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนก็เห็นด้วย เพราะคราวที่แล้วก็เลื่อน เพราะทั้ง 2 เรื่อง มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจปากท้อง ถ้าไม่ให้เลื่อนก็จะถูกตีความได้ทันทีว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกับแนวคิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อยู่ และเริ่มเพิ่มขึ้น ทั้งจาก สว. อดีต สสร.ปี50 แพทย์ และสำนักจุฬาราชมนตรี ซึ่งก็ถือว่าเริ่มเยอะแล้ว นายกฯ จึงบอกว่า หรือเรายังไม่ไปอธิบายให้คนเหล่านี้เข้าใจเพียงพอ จริงๆ มันคือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นหลัก กาสิโนเป็นรอง แต่กลายเป็นว่า ทุกคนพูดว่ากาสิโนเป็นหลัก แบบนี้ แสดงว่ารัฐบาลยังสื่อสารไม่ดีพอ ไม่เพียงพอ และไม่ครบถ้วน บวกกับเรื่องของการขึ้นภาษีสหรัฐฯ จึงเอาปัญหาปากท้องประชาชนก่อนดีกว่า ก็ถือว่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นเป็นเอกฉันท์

ส่วนสมัยประชุมหน้าจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า กฎหมายมันยังค้างอยู่ก็ยังเป็นคิวต่อไป แต่เนื่องจากสภาจะปิดสมัยประชุมวันที่ 10 เมษายน ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดี ไม่มีการพิจารณากฎหมาย ก็ต้องเลื่อนไป และยังอยู่ในคิวการพิจารณา


ส่วนสมัยหน้าหากยังมีผู้ไม่เห็นด้วยอีก นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าของเรื่อง กระทรวงการคลัง หรือรัฐบาล หรือใครก็ต้องไปชี้แจงกับประชาชนให้มากที่สุด แต่ยืนยันเรื่องผ่าน ครม. ไปแล้ว

ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ที่จะตัดส่วนกาสิโนออก นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถ้าจะปรับปรุงอะไรใหม่ ก็ต้องกลับเข้ามาใหม่ ตอนนี้เป็นเรื่องของสภาแล้ว

เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยกับการประชุมที่จะเกิดขึ้นในสมัยหน้า นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า มันผ่าน ครม.ไปหรือยัง ผ่านหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไปหรือยัง ก็นั่งอยู่ใน ครม. ก็เป็นไปตามกระบวนการ แต่ทุกคนก็ต้องเห็นพ้องต้องกันหมด

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลต่อการจัดทำร่าง พ.ร.บ.พนันออนไลน์ ให้ชะลอไปด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องพนันออนไลน์ก็มีคณะกรรมการร่างอยู่ ตรงไหนที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น คณะกรรมการก็ว่าไป แต่สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยจะเร่งเสนอให้ประชาชนตอนนี้ คือกฎหมายลงโทษการพนันที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 โดยก่อนหน้านี้ ถ้าเจอบ่อน ก็มีการปรับ การตักเตือน แต่ต่อไปนี้จะจำคุกลูกเดียว พร้อมกับยึดทรัพย์ ตรงนี้ก็จะทำให้ความกังวลของประชาชนลดลง เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นการพนันผิดกฎหมายก็ต้องมีกฎหมายที่แรงขึ้น เราก็จะใช้เวลาในการผลักดันกฎหมายที่จัดระเบียบสังคมให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เข้า ครม. ไปแล้ว และรอการพิจารณา.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]