นครราชสีมา 2 พ.ค.- ร้อนจัด! ชาวสวนทุเรียนครบุรี โคราช รีบปรับตัวสู้สภาพอากาศ ให้น้ำทุเรียนทั้งวันป้องกันลูกร่วงหล่น คอยระวังป้องกันศัตรูทุเรียน ที่อาจทำให้ยืนต้นตายได้
เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ตระเวนลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่อำเภอครบุรี ให้รับมือและดูแลทุเรียนในช่วงสภาพอากาศร้อนจัดและแล้งยาวนาน เนื่องจากพบว่าทุเรียนของเกษตรกรในพื้นที่ที่มีอยู่กว่า 2,000 ไร่ ตอนนี้กำลังได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดนานติดต่อกันหลายสัปดาห์ ทำให้ลูกทุเรียนร่วงหล่นเสียหายไปแล้วกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ แถมยังต้องเจอกับเพลี้ยและแมลงศัตรูของทุเรียน จึงแนะนำให้เกษตรกรหมั่นดูแลและกำจัดแมลงศัตรูพืชเป็นประจำ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายจนทำให้ทุเรียนยืนต้นตาย
นายสังคม อายุ 59 ปี เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนบ้านหนองมะค่า ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บอกว่า ปลูกทุเรียนเอาไว้ 3 ไร่ จำนวนกว่า 100 ต้น ในพื้นที่อำเภอครบุรี ตอนนี้อากาศร้อนจัดและมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส มานานหลายสัปดาห์แล้ว ทำให้ทุเรียนที่กำลังติดลูก ร่วงหลุดไปเกือบครึ่ง เพราะอากาศร้อนจัดทำให้โคนต้นทุเรียนแห้งเร็ว ต้องแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มระยะเวลาการให้น้ำทุเรียนให้มากขึ้น ซึ่งปกติจะให้น้ำทุเรียนแบบวันเว้นวัน วันละประมาณ 20 นาที แต่ตอนนี้ต้องให้น้ำทุกวัน และเพิ่มระยะเวลาการให้น้ำอย่างน้อยรอบละ 30 นาที จะเน้นให้น้ำในช่วงที่แดดไม่แรงจัด เพื่อให้ต้นทุเรียนมีความชุ่มชื้นมากขึ้น หากวันไหนแดดร้อนจัด อากาศแห้งมากกว่าปกติ ก็ต้องเพิ่มระยะเวลาให้น้ำเพิ่มอีกตามความเหมาะสม และจากเดิมต้องตัดหญ้าที่โคนต้นเป็นประจำ ตอนนี้ต้องปล่อยเอาไว้เพื่อให้หญ้าคลุมดินรักษาความชื้นรอบโคนต้นเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้น้ำที่รดทุเรียนคงอยู่ สร้างความชุ่มชื่นให้กับโคนทุเรียนให้นานที่สุด ส่วนปัญหาแมลงศัตรูพืช อย่างเช่น เพลี้ยจักจั่น ที่เริ่มระบาดมากขึ้น ตอนนี้ต้องคอยหมั่นสำรวจตรวจสอบต้นทุเรียนและกำจัดแมลงศัตรูพืชให้บ่อยยิ่งขึ้น ห้ามเผลอปล่อยทิ้งเด็ดขาด เพราะถือเป็นศัตรูร้ายแรงของต้นทุเรียนเลยทีเดียว อาจทำให้ทุเรียนถึงขั้นยืนต้นตายได้ในที่สุด
การรายงานล่าสุดของสำนักงานเกษตรอำเภอครบุรี ระบุว่า พื้นที่อำเภอครบุรี เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกทุเรียนมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา สร้างเม็ดเงินเข้าพื้นที่ปีละกว่า 100 ล้านบาท แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและแล้งจัดในปีนี้ คาดว่า ผลผลิตทุเรียนจะลดลงไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจจะทำให้เม็ดเงินที่ควรจะได้จากการจำหน่ายทุเรียนปีนี้ หายไปเกือบ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว .-สำนักข่าวไทย