กทม. 4 ก.ย.-ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกระบะตู้ทึบ ขนแรงงานเถื่อน 71 ชีวิต
ตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุมนายบุญช่วย อายุ 31 ปีสัญชาติ ไทย และนายปิยะวุฒิ อายุ 31 ปีสัญชาติ ไทย ในข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม” และจับกุมผู้ต้องหาเป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 71 ราย ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมได้บริเวณถนนสายวังประจบ – พรานกระต่าย ทล.1132 กม.3 – 4 ต.วังประจบ อ.เมือง จ.ตาก
สืบเนื่องจากตำรวจทางหลวงตากได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจำนวนมากจากจังหวัดตากเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศไทย จึงได้วางแผนเฝ้าระวังและสกัดจับบริเวณถนนสายวังประจบ-พรานกระต่าย ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถกระบะต้องสงสัย 2 คันขับตามกันมา โดยมีลักษณะบรรทุกหนักและมีสัมภาระปกปิดมิดชิด ลักษณะต้องสงสัย คล้ายกับรถที่ได้รับแจ้งจากสายลับ เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ
จากการตรวจสอบรถคันแรก เป็นรถกระบะตู้ทึบ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว มีนายบุญช่วย เป็นคนขับข้างคนขับพบผู้หญิงคล้ายแรงงานต่างด้าว 3 คนนั่งอยู่ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีเอกสารการเดินทางที่ถูกต้อง และเมื่อเปิดตู้ทึบด้านหลังออกพบแรงงานต่างด้าวอัดแน่นกันมาอีก 37 คน รวมแรงงานต่างด้าวทั้งหมดในรถคันนี้ 40 คน เป็นชาย 22 คน และหญิง 18 คน
นายบุญช่วย รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากชายชาวม้งให้ขนแรงงานต่างด้าวจากป่าข้างทางในอำเภอเมืองตาก เพื่อไปส่งที่ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท และทำมาหลายครั้งแล้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถกระบะอีกคันที่ขับตามมา เป็นยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว มีนายปิยะวุฒิ เป็นคนขับ ซึ่งภายในรถก็พบแรงงานต่างด้าวอีก 31 คน เป็นชาย 23 คน และหญิง 8 คน นั่งอัดแน่นกันมา ทั้งหมดไม่มีเอกสารการเดินทางเช่นกัน โดยนายปิยะวุฒิ รับสารภาพว่า นายบุญช่วย เป็นคนชักชวนให้ตนขับรถตามกันมา เพื่อขนแรงงานต่างด้าวไปส่งที่ตลาดไท โดยได้ค่าจ้าง 5,000 บาท ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนและแรงงานต่างด้าวทั้งหมดรวม 71 คน ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวังประจบ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-419.-สำนักข่าวไทย