ศาลปกครอง 8 มี.ค.- ศาลปกครองยันรับรื้อคดีโฮปเวลล์ เข้าเงื่อนไขมีข้อกฎหมายใหม่ ยกตัวอย่างต่างประเทศ
นายวิษณุ วรัญญู รองประธานศาลปกครองสูงสุด ชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ว่า หลังศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่มีมติให้รับรื้อคดีใหม่ คดีต้องไปเริ่มที่ศาลปกครองชั้นต้น โดยจะต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริง คดีนี้ไม่ใช่ข้อพิพาทระหว่างกระทรวงคมนาคม และบริษัท โฮปเวลล์โดยตรง แต่เป็นกรณีพิพาทว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคมจ่ายค่าเสียหายถูกต้องหรือไม่ จึงไม่ใช่เรื่องที่ศาลต้องลงไปดูรายละเอียดในข้อพิพาท ระหว่างคมนาคมและบริษัท โฮปเวลล์ ประกอบกับมีแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการนับระยะเวลาการฟ้องคดี ก็ทำให้การพิจารณาคดีมีความชัดเจนขึ้น ดังนั้นการพิจารณาคดีคาดว่าไม่นาน ส่วนการที่กระทรวงคมนาคมจะขอยื่นให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อระงับการจ่ายเงินตามคำพิพากษา เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขององคณะเจ้าของสำนวน แต่โดยระเบียบการบังคับคดีของศาลปกครอง ข้อที่ 131 เมื่อมีการรับคำขอพิจารณาคดีใหม่ ก็สามารถงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิมได้
นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า การรับพิจารณาคดีใหม่ไม่ใช่เรื่องปกติต้องทำอย่างพิเศษมากๆ ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่ายๆ อย่างที่มีการเรียกร้องกัน หรือที่มีการพูดกันว่า ยื่นมาไม่รู้กี่ครั้งศาลก็ไม่รับเสียที กฎหมายจึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาคดีใหม่อย่างเคร่งครัด โดย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 มาตรา 75 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ 4 ข้อ คือ 1.มีข้อเท็จจริงใหม่ 2.คู่กรณีแท้จริงไม่ได้เข้ามาในคดี หรือเข้ามาแล้วไม่ได้รับความยุติธรรม 3. มีข้อบกพร่องสำคัญในชั้นพิจารณา 4. มีข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายเปลี่ยนไปในสาระสำคัญ อาจทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งโฮปเวลล์ อยู่ในข้อ 4 นี้ ข้อเท็จจริงไม่ได้เปลี่ยน แต่มีข้อกฎหมายที่เปลี่ยนจากวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการนับระยะเวลาการฟ้องคดี
“การพิจารณาคดีใหม่ ในกรณีทั่วๆไปเขามักจะไม่ทำกัน เมื่อมีคำพิพากษาออกไปจะผิดจะถูกก็ต้องปฏิบัติตาม วิธีการที่ในต่างประเทศเขาทำกันในกรณีที่รับไม่ได้กับผลของคำพิพากษาจริงๆ เขาจะต้องไปออกกฎหมายแก้ไขหรือลบล้างคำพิพากษา ถ้าเป็นคดีอาญาต้องไปออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งในไทยมักจะกล่าวหาว่าอย่างนี้เป็นการแทรกแซงอำนาจตุลาการ ซึ่งไม่ใช่ เป็นระบบปกติเพราะว่าศาลจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ในระบบทั่วไปถ้าสมมติว่าคำพิพากษามีข้อผิดพลาดจะต้องไปแก้ในกระบวนการนิติบัญญัติ ต้องออกกฎหมายมานิรโทษกรรมก็ดี มาแก้ไขผลคำพิพากษาก็ดี ไม่ใช่เป็นการไม่เคารพคำพิพากษาของศาล แต่เป็นการใช้อีกกระบวนการหนึ่งเพื่อบรรเทาผลของคำพิพากษา ในกระบวนการปกครองของเรามีอีกวิธีการหนึ่ง คือเรื่องของการพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำง่ายๆ ตามที่เรียกร้องกัน ตามกฎหมายจึงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการที่จะพิจารณาคดีใหม่ไว้อย่างเคร่งครัดมาก”นายวิษณุ กล่าว .-สำนักข่าวไทย