“ศุภชัย” แตะเบรก “เดชอิศม์” ตั้งสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน

กทม.23 ก.ค.-“ศุภชัย” แตะเบรก “เดชอิศม์” ตั้ง กก.ตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีเขากระโดง ระบุศาลปกครอง ตัดสินแล้วว่าถูกต้อง ตั้งข้อสังเกตความรอบรู้เรื่องระเบียบกรมที่ดิน มากน้อยแค่ไหน แถมตั้งอาณาบาลซึ่งเป็นฝ่ายกฎหมาย รฟท.คู่ความมาเป็นกรรมการ ชี้ ทำผิดหลักกฎหมายหลายฉบับ

นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคําสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณี ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะปรากฎข่าวสารเป็นที่แพร่หลายเกี่ยวกับความเคลือบแคลงสงสัยในคําสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และอธิบดีเห็นชอบตามมติคณะกรรมการที่ไม่เพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิ์นั้น ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย


“องค์ประกอบคณะกรรมการ มีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและมีกรรมการ ประกอบด้วยอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน, อัยการพิเศษฝ่ายอยู่ 2 ท่าน, ผู้อํานวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ, อาณาบาลบังคับคดี 5 สํานักงานอาณาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย และบุคคลอีกหนึ่งคน เป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างแปลก เพราะไม่คิดว่าอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะมีความรอบรู้เรื่องคําสั่งการบริหารราชการแผ่นดินในเรื่องที่ดินหรือไม่อย่างไร ผมไม่ได้ว่าท่าน แต่ผมคิดว่าผิดฝาปิดตัว นอกจากนี้ การมีอาณาบาล (ทนายความ) ของการรถไฟฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีกับกรมที่ดินที่มีคดีในศาล มาร่วมเป็นกรรมการ คิดว่าเป็นคําสั่งที่ประหลาดมาก ท่านตั้งขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไร มีการตั้งธงไว้หรือไม่” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า การออกคำสั่งตรวจสอบลักษณะนี้ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง เพราะอธิบดีกรมที่ดินได้ใช้อำนาจตามมาตรา 61 โดยพิจารณาจากพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง และความเห็นของคณะกรรมการที่กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งอย่างรอบคอบแล้ว การตรวจสอบซ้ำโดยอ้างกระแสข่าว คิดว่าเป็นการออกคําสั่งที่ไม่ชอบ ซึ่งความจริงแล้วเป็นความสงสัยในเชิงทางสังคมทั่วไป หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง


“ผมว่าคําสั่งลักษณะนี้ เป็นการพยายามแทรกแซงดุลยพินิจของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ใช้อำนาจโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นการกดดันให้เปลี่ยนแปลงมติที่เคยเพิกถอน อาจเข้าข่ายการใช้อํานาจการปกครองที่ไม่ชอบ และขัดต่อหลักการบริหารราชการแผ่นดินปี 2534 รวมถึงหลักความมั่นคงแห่งคำสั่งทางปกครองตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองปี 2539 ซึ่งเป็นเรื่องสําคัญ วันนี้ในกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่ท่านรัฐมนตรีว่าการเข้าไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือข้าราชการ อยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า รมช.มหาดไทย ไม่ได้ศึกษาที่มาที่ไปของคดีในศาลปกครอง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ยื่นคำร้องต่างๆ อ้างว่าอธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือล่าช้า วันนี้คดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลปกครอง รัฐมนตรีไม่ควรจะไปก้าวก่าย แทรกแซงในเรื่องนี้ และศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำสั่งที่ 1473/2567 และ 241/2568 วินิจฉัยแล้วว่า การดำเนินการของอธิบดีกรมที่ดินไม่บกพร่องและถูกต้องแล้ว ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินอีกครั้ง จึงเป็นการก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาล มีเจตนาที่มีวาระซ่อนเร้น ต้องการแทรกแซงเพื่อให้อธิบดีกรมที่ดินเปลี่ยนคำสั่งใหม่ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

“อยากจะฝากไปถึง รมช.มหาดไทยว่า วันนี้ท่านเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่จากพรรคการเมืองเก่าแก่ ไม่คิดว่าจะยอมตกไปใต้อาณัติของรมว.มหาดไทย ซึ่งโยนภาระให้ท่านมารับ วันนี้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่บําบัดทุกข์ บํารุงสุข ให้กับประชาชน แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพรรคเพื่อไทย หรือตระกูลชินวัตร ถ้าถึงจุดๆ หนึ่ง หากข้าราชการลุกฮือ แสดงจุดยืนจะอารยะขัดขืน ท่านจะประสบปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน ขอให้ท่านใช้หลักนิติธรรมในการบริหารจะดีกว่า วันนี้สิ่งที่ท่านทําอาจมีผลกระทบไปเพิกถอน หรือกดดันอธิบดี เพื่อโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว และตั้งรักษาการมาเปลี่ยนแปลงคำสั่ง อาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นภาระที่ มท.3 ไม่ควรรับไว้ แต่ควรเป็นหน้าที่ของ มท.1 ที่ต้องดำเนินการด้วยตัวเอง เพื่อให้อธิบดีซึ่งเป็นผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องและดำเนินคดีได้ถูกตัว” นายศุภชัย กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]