แนะรัฐเตรียมมาตรการเข้มหลังเปิดแรงงานต่างด้าวเข้า

สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 ส.ค.-ผู้ตรวจการแผ่นดินเชิญผู้แทนหน่วยเกี่ยวข้องคุยหลังเกิดเหตุทหารอียิปต์-ครอบครัวทูตซูดาน ย้ำเตรียมมาตรการรองรับหลังผ่อนคลายแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน แนะรัฐช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการที่ต้องกักตัวแรงงาน


พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีแขกวีไวพีของรัฐบาลเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ ร่วม ประชุม อาทิ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก น.พ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ภายหลังการประชุม พล.อ.วิทวัส แถลงว่า การประชุมเป็นไปเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐ ภายหลังปรากฏกระแสข่าวแขกวีไอพีของรัฐบาลทั้งเจ้าหน้าที่ทหารอียิปต์ ครอบครัวนักการทูตซูดานเข้าประเทศไทยแต่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ประชาชนมองว่าศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) การ์ดตกเสียเอง ซึ่งจากการหารือเลขาธิการสมช.ชี้แจงถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในระยะต่อไปให้กับ 5 กลุ่ม คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจาก 5 ประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ แรงงานต่างด้าว การสัมมนาระดับนานาชาติ และผู้ถืออิลิดการ์ด ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผู้ที่เข้ามาจะต้องทำข้อตกลงพิเศษเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค


“ที่ประชุมมีความกังวลกรณีแรงงานต่างด้าว ซึ่งรัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการกรณีที่ต้องกักตัวแรงงานต่างด้าวที่จะกลับมาทำงานในประเทศ ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 20,000 บาท แม้พยายามจะปรับลดแล้วเหลือคนละ 13,200 บาท ซึ่งจะมีเพียงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ศบค.แจ้งว่าเรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงานหารือร่วมกัน โดยเบื้องต้นกำหนดสถานที่กักตัวหลายแห่งเพื่อรองรับแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ที่ประชุมยังยืนยันว่าระบบติดตามตัวหรือแอปพลิเคชั่นไทยชนะ ยังมีความจำเป็น แต่ปัญหาคือการบังคับใช้

พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า กรณีของคนไทยที่อยู่ต่างประเทศและต้องการจะเดินทางกลับมาอยู่กับครอบครัว ที่ประชุมรับทราบว่าเรื่องการตรวจคัดกรองก่อนเดินทางไม่มีปัญหา เครื่องบินที่จะไปรับก็ไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาที่ความไม่แน่นอนของคนไทยที่ลงทะเบียนไว้แล้วยกเลิกการเดินทางกลับ ทำให้การดำเนินการงานไม่เป็นไปตามแผนงาน เนื่องจากคนไทยกลุ่มดังกล่าวที่ยกเลิกตั้งข้อสังเกตว่าไทยอาจจะยกเลิกการกักตัวและยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งตนย้ำว่าไม่ว่าจะมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ การกักตัว 14 วันยังจำเป็น เพราะการกักตัวถือว่ามีคุณภาพสูงสุดในการเฝ้าระวังคัดกรองโรคโควิด -19

“กระทรวงต่างประเทศควรประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรับทราบว่า เมื่อ ศบค.มีคำสั่งผ่อนปรนให้ 5 กลุ่มนี้ ต่างชาติเดินทางเช้ามาได้แต่ยังต้องเข้มเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนทราบว่าการควบคุม ซึ่งเป็นข้อจำกัดเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่หากปล่อยให้เกิดการระบาดของโรคอีก จะส่งผลทางด้านเศรษฐกิจเช่นกัน จึงต้องรักษาสมดุลทั้งสองเรื่อง ซึ่งศบค.ไม่ได้หวังจะรักษาตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ แต่ควรพอเหมาะกับขีดความสามารถที่โรงพยาบาลจะรับรักษาได้ และโรคไม่แพร่ขยายมากเกินไป” พล.อ.วิทวัส กล่าว


เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะยังคงมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปใช่หรือไม่ ประธานผู้ตรวจฯ ชี้แจงว่า เลขาธิการสมช.รายงานว่าเกรงจะมีการนำพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปผูกกับสถานการณ์การเมือง แต่หัวใจสำคัญคือเรื่องการกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นเรื่องของการละเมิดสิทธิ ถ้าไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะไม่สามารถบังคับกักตัว 14 วันได้ รัฐบาลพยายามหาทางออก ซึ่งได้แนะนำว่าให้ดูว่าใน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อว่ามีข้อความใดที่จะนำไปออกเป็นพระราชกำหนดที่ให้สามารถบังคับกักตัวใช้ทดแทนพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ จะได้ใช้กฎหมายนั้นมาทดแทน แต่ขณะนี้ยังไม่มี ดังนั้น คนไทยต้องเข้าใจว่าเรื่องการกักตัว เป็นมาตรการสำคัญการคัดคนติดเชื้อกับคนไม่ติดเชื้อออกจากกัน ถ้าไมมีมาตรการนี้จะเป็นอันตรายกับคนไทยส่วนใหญ่

เมื่อถามว่าได้หารือถึงปัญหาการรับรองบุคคลวีไอพีกับตัวแทนศบค.หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงให้เข้าใจว่าหลังเกิดปัญหาแล้วในวันที่ 17 กรกฎาคมได้เชิญผู้แทนของสถานทูตในประเทศไทยมาทำความเข้าใจ แม้มีความสัมพันธ์ แต่ขอให้รักษามาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งทุกประเทศตอบรับ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้มีผู้ร้องมาที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เป็นความปรากฏต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากเหตุดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จนท.รุดช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องขังลูกติดยา

หลายหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องลูกกรง เตรียมขังลูกชายตกเป็นทาสยาเสพติด-พนันออนไลน์ บำบัดนับสิบครั้งไม่หาย พร้อมทำความเข้าใจผิดกฎหมายหน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะที่ รมว.ยุติธรรม เตรียมพิจารณาออกมาตรการบำบัดซ้ำโดยคำสั่งศาล

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต