กทม 7 มิ.ย. – เวทีเสวนาวาระเพื่อชาติประเทศไทยมีปัญหาเป็นเวลาของคนไทย รวมคนทุกสีเสื้อ ถกปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-เขมร “นพ.วรงค์” ชี้รัฐบาลหน่อมแน้ม ออกแถลงการณ์ก็ยังไม่กล้าบอกว่าพื้นที่เป็นของไทย “หมอตุลย์” เสนอทางออกเอา “ทักษิณ” เข้าคุก ขอ 47 เสียงยืนยันมติแพทยสภาเอาชนะวีโต้ “สมศักดิ์” ขณะ “เสรีพิศุทธ์” ฟันธง “แม้ว” ไม่ได้ป่วย รพ.ตำรวจไว้รับแขก เชื่อ 13 มิ.ย.ไม่มาศาล ตั้งหลักอยู่แถวชายแดน
กิจกรรมเวทีเสวนาสาธารณวาระเพื่อชาติประเทศไทยมีปัญหาเป็นเวลาของคนไทย ซึ่งมีการพูดคุยกันในประเด็นความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเวทีที่รวมวิทยากรจากหลากหลายกลุ่มการชุมนุมนักการเมือง นักวิชาการ อาทิ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากจะส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล นางสาวแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล และมีอำนาจเต็มในฐานะตัวแทนประชาชนคนไทย ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประชาชนเรียกร้องให้รักษาอธิปไตยของประเทศชาติ บนพื้นฐานของเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทย “ไม่ใช่ปากอ้างว่าสงบสติ แต่หน่อมแน้ม”
คำว่ารักษาอธิปไตยไม่จำเป็นต้องเกิดสงคราม แล้วมีวิธีการเยอะแยะในการปกป้องอธิปไตยจากขั้นเบาๆไปจนถึงขั้นหนัก แต่ถ้าเจรจาไม่ได้ผล เมื่อใช้ไม้นวมไม่ได้ผลเมื่อถึงจุดหนึ่งรบก็ต้องเป็นรัฐบาลหน่อมแน้ม เพราะแถลงการณ์ของไทยบ่งบอกว่ามีการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม แต่กัมพูชาออกแถลงการณ์ว่ามีการปะทะกันโดยที่ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเริ่มยิง ทำไมรัฐบาลไทยไม่กล้าพูด ทหารต้องเป็นคนออกมาแถลงว่าเขมรเป็นฝ่ายยิงก่อน ทหารไทยจึงต้องตอบโต้ แต่เขมรกล้าโกหกชาวโลกว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายยิง
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลอ่อนแอตั้งแต่จุดเริ่มต้น แค่เขียนแถลงการณ์ ฝ่ายกัมพูชากล้าเขียนเคลมพื้นที่ว่าเป็นพื้นที่ของตนเอง ในขณะที่ไทยยังอ้างว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็น No man’s land ทำไมไม่กล้าบอกว่านี่คือแผ่นดินไทย เอาแต่ท่องคาถาคำว่าสันติ ต้องการเจรจา อีกทั้งรัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ช้า สะท้อนว่าไม่ประสีประสาอะไรเลย รัฐบาลไทยยังมะงุมมะงาหราที่จะเจรจา ในเวที JBC ในขณะที่กัมพูชายืนยันไม่เจรจาในพื้นที่ 3 ปราสาทและช่องบก
“นี่คือความอ่อนแอ ความหน่อมแน้มไร้ประสิทธิภาพในการปกป้องอธิปไตยของไทย เป็นเรื่องธรรมดาในเมื่อผู้นำรัฐบาลคุยไม่รู้เรื่อง เก่งแต่ทะเลาะกับสื่อ แต่กับฮุน มาเนต, ฮุน เซน คุณไม่กล้า ประชาชนไม่มีที่พึ่ง สุดท้ายก็ต้องไปพึ่งทหาร เพราะทหารเขายืนในหลักการว่าต้องรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ อย่ามาหาว่าปกป้องทหาร แต่ทหารยืนในจุดที่ถูกต้อง” นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ ยังกล่าวต่อว่า เช้าวันนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ออกแถลงการณ์ ที่พอจะรับได้ว่าจะมีการสนับสนุนทหารอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องอธิปไตยของไทย แต่นี่คือคำแถลงของนายภูมิธรรมในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่แถลงการณ์ของรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลต้องแถลงในนามรัฐบาลไทยเท่านั้นจึงจะน่าเชื่อถือ
ขณะที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนยินดีที่ทหารประกาศปิดด่าน ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ประเทศชาติจะเสียดินแดนหรือไม่ ตนเสนอทางแก้คือ เอานายทักษิณ ชินวัตร เข้าคุกเท่านั้น เพราะแพทย์ไทยมีองค์กรหนึ่งคือแพทยาสภาคอยควบคุมจริยธรรมของแพทย์อยู่ และการออกใบรับรองแพทย์อันเป็นเท็จ ต้องพักใบประกอบวิชาชีพ 6 เดือน ส่วนทำไมทักษิณต้องติดคุกนั้น เพราะว่าตั้งแต่ 22 ส.ค. 66 เขาหนีคุก ไม่ติดคุกตามหมายศาล ตนขอถามว่าคนที่รับใช้ทักษิณมีใครไม่ติดคุกบ้าง
ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เขาต้องวีโต้ เพราะว่านายสั่ง วันที่ไปป.ป.ส. ถามว่านายสมศักดิ์ไปเกี่ยวตรงไหน มีหน้าที่รักษาคนติดยา แต่ปราบปรามยาเสพติดนั้นไม่เกี่ยว วันนี้โควิดระบาด แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ว่าจะแจ้งเตือนประชาชนอย่างไร เป็นห่วงอยู่อย่างเดียวกลัวแพทยสภาจะลงโทษ บอกว่านายทักษิณไม่ป่วย ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกมีแชตหลุด แล้วบอกเป็นไลน์กลุ่มแพทยสภา จากนั้นนายทักษิณก็เอาไปพูดต่อ ตนขอให้นายทักษิณ ไปหาหลักฐานมายืนยันสิว่าป่วยจริง ที่เขาต้องพูดเรื่องแชตหลุดเพราะไม่มีหลักฐานว่าตัวเองป่วยจริง
“วันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะนัดไต่สวนคดีชั้น 14 ของนายทักษิณนั้น นายทักษิณจะรอดมีทางเดียวคือต้องมีหลักฐานว่าป่วยจริง แต่ตนขอยืนยันว่าเขาไม่มีหลักฐานนี้ แต่เอาเรื่องวันที่ 12 มิ.ย.ก่อน ยืนยันว่าแพทยภา 47 เสียงได้แน่นอน แพทยาสภาอย่าปล่อยให้การวีโต้เน่าๆ ของนักการเมืองคนหนึ่งมาเอาชนะแพทยาสภา 70 คน และวงการแพทย์ทั้ง 7 หมื่นคนได้ เพราะมันจะเป็นการเสียเกียรติและมาตรฐานของวงการแพทย์อย่างที่สุด แพทยาสภาได้โปรดฟังเสียงของประชาชนทั้งประเทศ และแพทย์ทั้งประเทศมาร่วมประชุมและยืนยันมติให้ได้” นพ.ตุลย์ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ตนกับทักษิณรู้จักกันมาตั้ง 50 ปีแล้ว ถ้าทักษิณไม่ใช่คนไม่ดีจริง ตนก็ต้องเข้าข้างเขา เขาไม่เคยคิดถึงประเทศชาติและประชาชน แต่คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก ตนจะเป็นพยานบุคคลคนเดียวที่จะมายืนยันว่าตอนที่ทักษิณอยู่ใน รพ.ตำรวจไม่ได้ป่วย แต่ใช้ รพ.ตำรวจ เป็นสถานที่รับแขกเท่านั้นเอง เพราะทุกคนรู้ว่าป่วย จะนัดคุยธุรกิจ การเมือง ที่บ้านไม่ได้ ต้องนัดมา รพ.เท่านั้น เรียนตรงๆ ว่าไม่ได้ป่วยหรอก ตนก็เลยต้องไปศาลเมื่อ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งความจริงศาลรู้อยู่แล้ว นายทักษิณไม่เคยขอชี้แจง วันที่ 13 ตนจะตัดสินเลยให้จำคุกอีกปี แต่เชื่อว่าวันที่ 13 มิ.ย.นี้ นายทักษิณ ไม่มาศาล แต่จะไปตั้งหลักแถวๆ ชายแดน ซึ่งถ้าสั่งจำคุกเขาอาจจะหนี หรืออาจจะเปลี่ยนใจก็แล้วแต่เขา.-319 สำนักข่าวไทย