เชื่อเพื่อไทยจับมือ พปชร.ตั้งรัฐบาลไม่ง่าย

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – “ปริญญา” เชื่อเพื่อไทยไม่หักหลัง ปชช. 25 ล้านเสียง ไปร่วม พปชร. ตั้งรัฐบาล แลก “ทักษิณ” กลับบ้าน ชี้ทำได้ยาก มีผลกระทบหลายอย่าง แต่ถ้าจะทำต้องโหวตนายกฯ ฝั่งเพื่อไทยแล้วเสียงไม่พอ


นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยกับ “สำนักข่าวไทย” เกี่ยวกับประเด็นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ล่าสุดมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยยอมถอย แต่มีเงื่อนไขขอตั้งรัฐบาลหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าจากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา เสียงประชาชนจำนวน 25 ล้านเสียง ที่โหวตให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จึงเป็นความคาดหวังของประชาชนที่ให้เป็นรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตยที่มาจากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล และเมื่อพรรคก้าวไกลเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้มาเป็นอันดับหนึ่งก็ต้องเป็นไปตามกติกาของระบบรัฐสภา 

“แต่ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่ระบบรัฐสภาของไทยที่ไม่ปกติ เพราะสภาฯ ทั่วโลกที่เขาใช้กันคือพรรคการเมืองที่รวมเสียงได้เกินครึ่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียง 312 เสียง จาก 500 เสียง คือเกิน 60% สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างเข้มแข็งแต่กลับตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะระบบรัฐสภาของไทยมีระบบสมาชิกวุฒิสภาร่วมโหวต หากสมาชิกวุฒิสภาตามปกติคือฟรีโหวต โดยที่ไม่มีใครชี้นำควบคุมก็มั่นใจว่าจำนวน 64 เสียงที่พรรคฝ่ายรัฐบาลต้องการไม่ใช่เรื่องที่ไกลกว่าความเป็นจริง แต่ขณะนี้ไม่ปกติ เพราะมีการสั่งการหรือไม่ว่าไม่ให้ ส.ว. ยกมือสนับสนุน เพราะมีหลายปัจจัยชวนให้คิดเช่นนั้น


“หากรอบแรกโหวตนายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะยังไม่ได้คะแนนเสียง 376 เสียง ย่อมเป็นสิทธิของพรรคอันดับสอง คือเพื่อไทย ที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่อจากพรรคก้าวไกล แต่ไม่น่าจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ถึงขั้นพรรคเพื่อไทยจะสลับข้างไปร่วมกับรัฐบาลเดิม หรือพลังประชารัฐ เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ยากแม้จะมีกระแสข่าวดีลลับ เพราะพรรคเพื่อไทยได้บทเรียนจากประชาชนที่แพ้การเลือกตั้งเพราะความไม่ชัดเจนเรื่องการรวมกับพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ แต่เพิ่งมาชัดเจนในช่วงท้ายของการหาเสียง ซึ่งผลออกมาคือแพ้คะแนนเสียงของก้าวไกล นี่คือความไม่ชัดเจน หากไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐจริงๆ น่าจะเกิดปัญหา” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวว่า เหตุผลเดียวที่จะเปลี่ยนสูตรให้เพื่อไทยไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐได้คือ พรรคเพื่อไทยเสนอเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้คะแนนเสียง 376 เสียง จึงจะมีความชอบธรรมที่จะคิดถึงสูตรอื่น ดังนั้น อยู่ดีๆ จะไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐเลย คาดว่าเรื่องมันน่าจะยุ่ง และเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะมองเห็นปัญหานี้เช่นกัน 

ส่วนข้อสังเกตพรรคเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะต้องการให้นายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม นายปริญญา กล่าวว่า หนึ่งในเหตุผลที่เพื่อไทยแพ้ก้าวไกลเพราะการพูดเรื่องกลับบ้านของนายทักษิณบ่อยเกินไป มีผลโดยตรงที่ทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องที่มาพัวพันเรื่องส่วนตัว ทำให้ประชาชนหันมาเลือกพรรคก้าวไกล หากจะนำประเด็นการกลับบ้านมาเป็นหลักและทำให้เกิดการเปลี่ยนสูตรให้เพื่อไทยรวมกับพลังประชารัฐ และให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน จะเกิดผลเสียหายกับพรรคเพื่อไทยตามมาอีกมาก ไม่เพียงผลเสียในการเลือกตั้งคราวหน้า แต่จะรวมถึงผลระยะสั้นต่อพรรคเพื่อไทยด้วย


เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่คำนึงถึงเสียงประชาชน แต่ยึดหลักว่าเมื่อเป็นพรรคอันดับสองก็ตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลได้ นายปริญญา กล่าวว่า หากพรรคการเมืองไม่ใส่ใจในเสียงของประชาชน ไม่มีพรรคไหนอยู่รอดสักพรรคเดียว และใน MOU ของพรรคร่วม มีประเด็นเรื่องการให้ความยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งหมายรวมถึงประชาชนและนายทักษิณที่จะได้ประโยชน์ตรงนั้นอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่อยากจะคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดเฉพาะตัวนายทักษิณ ยังอยากมองในแง่ดีว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดที่จะเดินหน้าต่อไปได้ หากไม่ใส่ใจเสียงของประชาชน และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้บทเรียนจากผลการเลือกตั้ง และเรื่องการต่อรองตำแหน่งประธานสภาฯ พรรคเพื่อไทยได้เห็นกระแสสังคมที่ชัดเจนและยอมถอยหลายเรื่อง

ส่วนการประชุมร่วม 8 พรรค วันที่ 2 กรกฎาคม จะจบลงด้วยดีหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจบแล้ว เพราะหากไม่จบ พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคที่ลำบาก เพราะพรรคเพื่อไทยในสมัยที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ก็ขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรไว้ตลอด จึงเป็นสิทธิของพรรคอันดับหนึ่งที่จะขอตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะในทางปฏิบัติต้องเลือกประธานสภาฯ ก่อน เพราะประธานสภาฯ จะเป็นผู้ควบคุมการประชุมในการเลือกนายกรัฐมนตรี

“เป็นเรื่องปกติที่พรรคอันดับหนึ่งจะอยากได้ประธานสภาฯ ของตัวเอง แต่เมื่อกระแสสังคมไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยจึงยอมถอย จึงยังมองโลกในแง่ดีว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ไปไกลถึงขั้นไปรวมกับขั้วอำนาจเก่า สถานการณ์การเมืองยังไม่น่าจะไปถึงจุดนั้น อย่างไรก็ตาม ขอให้รอดูวันที่ 4 กรกฎาคม หากการเลือกประธานสภาฯ ราบรื่น เราจะรู้ว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไร ซึ่งจะได้เห็นความชัดเจนของความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่จะสนับสนุนและขัดขวางที่จะชัดเจนขึ้น” นายปริญญา กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]