ดีอีเอสแจงกรณีปิดเพจ “เยาวชนปลดแอก”
ดีอีเอส แจงกรณีปิดเพจเยาวชนปลดแอก ตามขั้นตอนปฏิบัติ ศาลอาญาเรียกเจ้าหน้าที่ดีอีเอสไปไต่สวนเพิ่มแล้ว ขอให้รอดูคำวินิจฉัยศาล
ดีอีเอส แจงกรณีปิดเพจเยาวชนปลดแอก ตามขั้นตอนปฏิบัติ ศาลอาญาเรียกเจ้าหน้าที่ดีอีเอสไปไต่สวนเพิ่มแล้ว ขอให้รอดูคำวินิจฉัยศาล
กรุงเทพฯ 21 ต.ค. สภาดิจิทัลแนะ 3 ด้านดันไทยมุ่งเศรษฐกิจดิจิทัล ดึงบริษัทยักษ์ใหญ่มาลงทุน พัฒนาทักษะแรงงาน รัฐปรับตัวบูรณาการข้อมูลทุกภาคส่วน งานสัมมนา “เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกฟื้นประเทศ” จัดโดยบริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) นายวีระ วีระกุล รองประธานและประธานพันธกิจด้านการเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมของโลก สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย บรรยายพิเศษ “เศรษฐกิจดิจิทัล” ว่า พันธกิจของสภาฯคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพราะปัจจุบันมีคนไทยไม่น้อยที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ตัวอย่างโควิด-19 คือตัวเร่งดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อย่างการช่วยเหลือของภาครัฐก็ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมีได้ ต้องรู้จุดแข็ง จุดอ่อน ปัจจุบันดิจิทัลเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ถ้าทำวันนี้จะได้เทคโนโลยีล่าสุดวันนี้ องค์ประกอบที่ไทยต้องมีคือความรู้ ในแง่เทคโนโลยี และความพร้อมของประชาชน ธุรกิจ และรัฐบาลในการรับแต่ต่อยอด ยกตัวอย่างหากรัฐบาลประกาศว่าวันที่ 1 มกราคม 2026 ธุรกรรมที่ทำกับภาครัฐจากกระดาษจะเป็นดิจิทัลทั้งหมด จะเป็นการปลุกทุกส่วนอย่างรุนแรงให้เข้าสู่ดิจิทัล ไทยต้องก้าวสู้ประเทศผู้ผลิตเทคโนโลยีไม่ใช่ประเทศผู้บริโภคเทคโนโลยี อยากถามว่ามีใครรู้จักมือถือที่ผลิตโดยคนไทยบ้าง ซึ่งปัจจุบันเราต้องพัฒนาส่วนนี้ให้ได้ ขณะที่ซอฟแวร์ต่างๆคนมักนึกถึงต่างประเทศ แต่จริงๆแล้วมีแพลตฟอร์มของไทยไม่น้อยกว่าร้อยบริษัท หน้าที่ของสภาฯยกศักยภาพบริษัทเหล่านี้ให้ทัดเทียบต่างชาติ ขณะที่ด้านการพัฒนาคนเพื่อป้อนอุตสาหกรรมนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างนักศึกษาจบด้านการวิจัยแต่ไม่ได้ทำงานด้านนี้ การจะพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดิจิทัลอีโคโนมี สำหรับประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จในอนาคตสภาฯมองว่าควรมี 3 องค์ประกอบหลัก คือ ต้องเชิญชวนผู้พัฒนาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย บริษัทระดับโลกต่างๆซึ่งเกณฑ์ตัดสินใจคือ ภาษีเงินได้บุคคล และภาษีเงินได้นิติบุคคล เรื่องนี้ภาครัฐต้องพิจารณาเทียบกับประเทศอื่นที่ดึงดูดการลงทุนเช่นกัน นอกจากนี้ต้องพัฒนาสตาร์ตอัพไทย ปัจจุบันเอกชนมีการตั้งกองทุนสนับสนุน นอกจากนี้ต้องพัฒนาคนให้เข้าใจในการทำธุรกิจ รู้จักลูกค้า คู้ค้า ต่อมาคือเทคนิคัลสกิล ไม่ใช่แค่โปรแกรมเมอร์แต่ต้องใช้เทคโนโลยีเป็น และอนาเลติกสกิล คือการรู้วิเคราะห์และทักษะ ต้องฟังเป็น พูดเป็น สื่อสารเป็นตอนนี้ระดับการใช้งานดิจิทัล เปิดปิดเครื่องมือได้ ไทยร้อยละ 25 ส่งอีเมลได้ร้อยละ 15 ทำพาวเวอร์พอยต์ได้ ครีเอทได้ร้อยละ 9 และสามารถเขียนโปรแกรมได้ร้อยละ 1 ดังนั้นไทยต้องพัฒนา ล่าสุดสภาดิจิทัลจะสร้างแฟลตฟอร์มสาธารณะ เมื่อให้ความรู้ประชาชน ใช้ชีวิต เรียนรู้ และมีเอกชนช่วย และเสนอเปลี่ยนการเรียนใหม่จากการเรียนในห้องเป็นสหศึกษา รวมทั้งขอความร่วมมือกับภาคเอกชนอื่น ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยช่วย อยากให้รัฐ เอกชน ตั้งโจทย์ และให้นักศึกษาเป็นสตาร์ตอัพ เรามี 5,000 โครงการ โครงการละ 10 คน ตั้งโจทย์ที่เป็นไปได้ เมื่อสร้าง 5,000 บริษัท ถ้ารอดแค่ 50 บริษัทเกิดสตาร์ตอัพได้ก็ดีแล้ว นอกจากนี้ภาครัฐต้องแปลงข้อมูล เน้นกระทรวงที่เป็นอนาล็อก ใช้กระดาษ ให้คนอ่าน ในด้านโรงพยาบาลการแปลงกระดาษสู้ดิจิทัลจะมีช่องทางอีกมหาศาล เป็นการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล ต้องแปลงดาต้าอนาล็อกสู้ดิจิทัล ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ต้องบูรณาการขับเคลื่อนประเทศ รัฐ เอกชน ประชาชนต้องร่วมมือ ใช้จังหวะโควิดตอนนี้การทำให้ดิจิทัลยั่งยืนเป็นโครงสร้างที่สำคัญ ไม่อยากให้มีนโยบายแค่มีบิ๊กดาต้าในภาคราชการ เพราะต่างคนต่างทำ ดังนั้นต้องมีผู้นำเบอร์1 แต่ละด้านร่วมมือกัน โครงสร้างนี้ทำยังไงให้โปร่งใส โครงสร้างนี้ขับเคลื่อนยังไง ต้องเอาโครงสร้างสมัยใหม่มาใช้ มีการชี้วัดผลคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ .-สำนักข่าวไทย
กรุงเทพฯ 21 ต.ค. วว. ขับเคลื่อนโทเทิ่ลโซลูชั่นสำหรับเอสเอ็มอี ในงานโพรแพ็คเอเชีย 2020 เปิดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการค้นหาอัตลักษณ์แท้จริงของแบรนด์เสริมแกร่งการแข่งขันในตลาดโลก นางชุติมาเอี่ยมโซติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า วว. มีพันธกิจหลักคือสนับสนุนผู้ประกอบการ โอท้อปเอสเอ็มอี จากประสบการณ์พบว่าผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกดังนั้นเพื่อให้ความคิดเป็นรูปธรรมวว. จึงได้ออกแบบหลักสูตรค้นหาแบรนด์กำหนดทิศทางของแบรนต์และองค์กรด้วยดีเอ็นเอเพื่อค้นหาอัตลักษณ์ที่แท้จริงของแบรนด์หรือ“ Brand DNA” เพื่อต่อยอดสู่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ทั้งกราฟิกดีไซน์และการเลือกใช้ประเภทวัสดุบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสินค้าโดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และการตลาดมาแบ่งปันความรู้โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้ได้ตัวตนที่แท้จริงก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบตราสินค้าหรือแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ตลอดจนแนวคิดในการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้มีภาพลักษณ์เป็นที่ยอมรับและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ทั้งนี้วว. จัดกิจกรรม“ Brand DNA” เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วโดยเฉพาะรูปแบบ Road show 4 ภาคซึ่งผู้ประกอบการให้การตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมากด้วยภารกิจของวว. ที่ต้องการพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศไทยซึ่งไม่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้นจึงได้ขยายการอบรมไปทั้ง 4 ภูมิภาคคือภาคเหนือภาคอีสานภาคใต้และภาคกลางซึ่งมีมากกว่า 500 บริษัท ที่ร่วมส่งผลิตภัณฑ์เข้าร่วมโครงการโดยทางวว. ได้คัดสรรผู้ประกอบการกว่า50 รายเพื่อเข้าอบรมแบบเข้มข้นในการค้นหา DNA ของผลิตภัณฑ์และในการจัดกิจกรรมครั้งที่ 6 วว. เริ่มเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและเข้าเยี่ยมชมตัวอย่างผลงาน“ Brand DNA” ได้ที่บูธนิทรรศการแสดงผลงานของวว. ในงาน PRO PAK ASIA 2020 ณ Hall 103 ไบเทคบางนาได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2563“ … Packaging จะไม่ใช่แค่เพียง Packaging อีกต่อไปหากคุณเข้าใจ DNA ของผลิตภัณฑ์เมื่อเข้าใจผลิตภัณฑ์อย่างถ่องแท้ถึงคุณสมบัติจะสามารถถ่ายทอด DNA ออกมาทาง Package ได้เป็นอย่างดี นางชุติมา กล่าวต่อว่า การสนับสนุนผู้ประกอบภายใต้กิจกรรม“ Brand DNA” วว. จะให้การสนับสนุนทั้งผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์และผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีไอเดียดีๆรวมถึง Start-up ที่มีความคิดมีไอเดีย แต่ยังไม่มีช่องทางไม่มีอุปกรณ์ในการเริ่มต้นผลิตสินค้าในส่วนนี้วว. พร้อมเสมอที่จะสนับสนุนนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปช่วยวว. มีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีบุคลากรโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งเครื่องมือพร้อมใช้ที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถผลิตสินค้าและทำสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐานเพื่อทำความฝันของผู้ประกอบการให้กลายเป็นความจริงมีความเข้มแข็งในการประกอบธุรกิจ-สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 21 ต.ค. ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวใหญ่ยุคดิจิตอล-โควิด -19 หาเทคโนโลยีใหม่เสริมทัพพบผู้นำนวัตกรรมร่วมเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าทั่วโลก นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมยุคดิจิทัลและโควิด -19 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายด้านเป็นชีวิตวิถีใหม่ที่ทุกคนต้องปรับตัวเช่นเดียวกับภาคอุคสาหกรรมการผลิตที่มีการพัฒนาและปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัววันนี้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัลเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมมนุษย์ในทุกด้านทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต เห็นได้จากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นผู้ผลิตและผู้ประกอบการในทุกขนาดโดยเฉพาะขนาดกลางขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัพต้องยกระดับปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการผลิต (Transformation) โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีให้มากขึ้นพร้อมศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามความต้องการและเป็นที่ยอมรับของตลาดด้าน นายมนู เลี่ยวไพโรจน์ ประธานอินฟอร์มามาร์เก็ตส์ประเทศไทย กล่าวว่า งานโพรแพ็คเอเชีย 2020 เป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมที่นำเสนอโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ที่ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่มยาและเวชภัณฑ์เครื่องสำอางและสินค้าอุปโภคบริโภคถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของไทยซึ่งวันนี้ได้รับผลจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 มากบ้างน้อยบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าโลกกำลังเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้นโดยมีโควิด -19 เป็นตัวเร่งสำคัญ การจัดงานโพรแพ็คเอเชีย 2020 ต้องการมีส่วนช่วยให้ธุรกิจมีการเจรจาและมีมูลค่าการค้ามากขึ้นพร้อมทั้งเน้นในการอัปเดตเทรนด์ที่เกิดขึ้นทามกลางสถานการณ์โควิด -19 แนวโน้มสถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตและนักธุรกิจได้ติดต่อพูดคุยกันโดยตรงการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) รวมถึงการสัมมนาที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มองเห็นแนวทางของอุตสาหกรรมด้านกระบวนการผลิตการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ในอนาคตรูปแบบการจัดงานจะเป็นแบบผสมผสาน (Hybrid Exhibition) โดยรวมการจัดงานแสดงสินค้าเจรจาธุรกิจแบบทั่วไป (Physical Exhibition) และการจัดงานแสดงสินค้าแบบออนไลน์ (Virtual Exhibition) สามารถนัดหมายเจรจาธุรกิจล่วงหน้ารวมถึงชมกิจกรรมสัมมนาที่จะเกิดขึ้นภายในงานฯ ได้ตลอดระยะเวลาของการจัดงานฯ สำหรับธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีมีการเปิดพื้นที่โซนเอสเอ็มอีขึ้นโดยเฉพาะโดยมีไฮไลท์คือกิจกรรมให้ความรู้คำปรึกษานำเสนอไอเดียใหม่ในการทำธุรกิจอาทิศูนย์ที่ปรึกษาธุรกิจเอสเอ็มอี (SME Consultation Center) ซึ่งมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาให้คำปรึกษาสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจรวมถึงธนาคารและสถาบันการเงินที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีพร้อมโครงการส่งเสริมต่างๆทั้งการประกวด ThaiStar Packaging Awards การบ่มเพาะ Brand DNA เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสินค้า IDEA Theatre เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจสำหรับการสร้างแบรนด์และเวทีถ่ายทอดความสำเร็จจากสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการชั้นนำนอกจากนั้นยังมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงสินค้าที่รณรงค์ทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนทางสังคม Sustainability Square เป็นพื้นที่จัดแสดงการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างการเรียนรู้ในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ว่าจะสามารถสร้างความยั่งยืนได้อย่างไรภายใต้พันธสัญญาที่ทุกคนจะต้องสร้างความยั่งยืนให้กับอนาคตร่วมกันและได้นำเสนอให้ผู้ร่วมงานเห็นการมีส่วนร่วมของผู้จัดงานแสดงสินค้าในการเป็นผู้จัดงานที่สร้างความยั่งยืน งานปีนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมชมงานกว่า 23,000 คนหวังใช้งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมเป็นทางลัดพัฒนาธุรกิจชี้ไฮไลท์สำคัญปีนี้เน้นจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมยุคใหม่ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์(Robot) อินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IOT) พร้อมเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และที่งานแสดงจริงที่ไบเทคบางนา-สำนักข่าวไทย.
วช.ให้รางวัลการวิจัยแห่งชาติ ผลงานประดิษฐ์คิคด้น ระดับดีเด่น แก่งานวิจัยโคนมพันธุ์ทรอปิคอลโฮลสไตน์ สายพันธุ์จากอเมริกา-แคนาดา ให้ผลผลิตน้ำนมสูง
กรุงเทพฯ 20 ต.ค. ดีอีเอส ยืนยันปิดเฉพาะโซเชียลทำผิดกฎหมาย เชื่อไม่กระทบผู้ใช้ออนไลน์ในภาพรวม นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวภายหลังการ แถลงข่าวร่วมกับกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) วันนี้ (20 ต.ค.) ว่า จากการที่ดีอีเอส ตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุม และได้ประสานกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และประสานงานการตรวจพบการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และดำเนินการร้องขอคำสั่งศาลในการระงับหรือลบข้อมูลผิดกฎหมายนั้น ล่าสุดแม้มีการตรวจพบข้อความที่มีการละเมิดกฎหมายกว่า 3 แสนเรื่อง แต่ในแง่การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในช่วง 2 วันที่ผ่านมามีเพียง 58 ราย ในจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย การกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14 จำนวน 24 ราย โดยเป็นการนำเข้าข้อความเป็นเท็จ หลอกลวง สร้างผลกระทบต่อประเทศในวงกว้าง และยุยุงปลุกปั่น เป็นต้น ที่เหลือเป็นการละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 32 ราย และอื่นๆ 2 ราย ซึ่งกระจายเผยแพร่อยู่ในหลากหลายแพลตฟอร์มโซเชียล “ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนและผู้ใช้งานออนไลน์/โซเชียลว่า ในการดำเนินการตามกฎหมายนั้น เราจะดูเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง และกระทบคนส่วนใหญ่ที่มีการใช้ช่องทางเหล่านี้ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ หรือการทำธุรกิจ ในการขอความร่วมมือแพลตฟอร์มเพื่อระงับ/ปิดกั้นการเข้าถึง เรามุ่งดำเนินการเฉพาะกับเฉพาะรายการโพสต์/ยูอาร์แอลที่มีข้อความผิดกฎหมาย ไม่ใช่การขอคำสั่งศาลเพื่อปิดแพลตฟอร์มทั้งระบบ แต่จะเป็นบางรายการที่มีความผิดชัดแจ้ง ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่ต้องกังวลใจ” นายภุชพงค์กล่าว รองปลัดดีอีเอส กล่าวอีกว่า ล่าสุดในจำนวน 58 รายที่เข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายมีการปิดกั้นไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ ความคืบหน้าของการระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ดีอีเอส ดำเนินการตรวจสอบและระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น ทางดีอีเอสได้ตรวจสอบ ประมวลโดยฝ่ายกฎหมาย เสนอศาลปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ของสื่อ 4 องค์กร ได้แก่ วอยซ์ทีวี ประชาไท The Reporters และ The Standard วันนี้ (20 ต.ค. 63) ศาลมีคำสั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของวอยซ์ทีวี แล้ว ส่วนอีก 3 สื่อยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ส่วนกรณีแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม (Telegram) จากการที่ศูนย์เฝ้าระวังฯ ของดีอีเอส ตรวจพบการใช้แอปดังกล่าวในการนัดหมาย เชิญชวนชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน ข้อกำหนดออกตามความใน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จึงแจ้งเรื่องไปยัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อรับทราบและพิจารณาข้อมูลดังกล่าว หลังจากนั้น ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ได้มีคำสั่งที่ 11/2563 เรื่อง ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะ โดยให้สำนักงาน กสทช. และดีอีเอส ดำเนินการเพื่อให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ (เทเลแกรม) นายภุชพงค์ กล่าวย้ำว่า การที่ กอร.ฉ. มีคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การปิดระบบหรือการเข้าถึงแอปเทเลแกรมทั้งหมด ในส่วนผู้ใช้งานทั่วไป ยังคงสามารถใช้งานได้ปกติ แต่จะดำเนินการตามกฎหมายเฉพาะกลุ่มสนทนา หรือกลุ่มผู้ใช้งาน ที่ใข้แอปนี้เพื่อเชิญชวนหรือนัดหมายการชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ “ขอเรียนว่ากระทรวงฯ ได้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตามขั้นตอนตามกฎหมาย และมีการขอความเห็นชอบต่อศาลมาโดยตลอด ไม่มีการทำเกินอำนาจหน้าที่ หรือเลือกปฏิบัติ โดยเคารพสิทธิการเข้าถึงสื่อทุกประเภทของประชาชนโดยเสรี ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด” นายภุชพงค์กล่าว-สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 20 ต.ค. ไลน์บีเค บุกไมโครไฟแนนซ์ ชูให้สินเชื่ออนุมัติเร็วตั้งเป้าผู้ใช้ปีแรกหลักล้าน นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกรไลน์ จำกัด กล่าวว่า LINE BK คือการเชื่อมโลกโซเชียลและโลกดิจิทัลแบงกิ้งเข้าด้วยกัน LINE BK เป็นการสร้างประสบการณ์การเงินออนไลน์ให้สะดวกและรวดเร็ว บนความปลอดภัยในมาตรฐานระดับเดียวกับธนาคารกสิกรไทย LINE BK เกิดจากความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย (ลงทุนผ่าน บริษัท กสิกรวิชั่น จำกัด หรือเควิชั่น) และไลน์(ลงทุนผ่าน บริษัท ไลน์ไฟแนนเชียลเอเชีย) “ความพร้อมของคนไทยในการใช้บริการธนาคารผ่าช่องทางออนไลน์มีมากอยู่แล้ว ประชากร 69 ล้านคน เข้าถึงโมบายอินเทอร์เน็ต 50 ล้านคน ใช้งานโมบายแบงค์กิ้ง 93 ล้านราย เราจึงเอาความแข็งแรงทางโซเชียล ของไลน์ และการเป็นธนาคารที่มีผู้ใช้บริการทางออนไลน์ ที่มีมูลค่าธุรกรรมในครึ่งปีแรกของปีนี้ที่ 1.7 พันล้านบาทของ เคแบงค์” นายธนา กล่าวอีกว่า LINE BK เป็นบริการเต็มรูปแบบผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินดังนี้บริการบัญชีเงินฝากครอบคลุมบริการโอนถอนจ่ายทำทุกอย่างได้บน LINE ไม่ต้องสลับแอปพลิเคชันไม่ต้องจำเลขบัญชีทั้งการโอนเงินได้ในแชทพร้อมการแจ้งเตือนยอดเงินเข้า-ออกเช็คยอดได้เรียลไทม์และฟีเจอร์อื่น ๆ เช่นการส่งสลิปแบบพิเศษพร้อมลายคาแรคเตอร์จาก LINE ได้ทันที, บริการขอเรียกเก็บเงินและการหารค่าใช้จ่ายกับเพื่อนใน LINE รวมไปถึงการถอนเงินสดไม่ต้องใช้บัตรได้ที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศบริการบัญชีเงินออมดอกพิเศษบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษสูงสุดถึงร้อยละ 1.5 ต่อปีโดยมีบราวน์โคนีและแซลลีมาเป็นผู้ช่วยในการเก็บเงินทำให้การเก็บเงินเป็นประสบการณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปสามารถกำหนดระยะเวลาออมเงินได้เองทั้งแบบระยะสั้น 6 เดือนหรือระยะยาว 12 เดือนบริการบัตรเดบิต บัตรเดบิตวีซ่า LINE BK ให้เงินคืนร้อยละ 0.5 เมื่อซื้อของออนไลน์ 100 บาทขึ้นไปโดยมีบัตรให้เลือกถึง 3 ประเภทเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ทั้งบัตรเดบิต (Debit Card) ที่มาพร้อมลายคาแรคเตอร์น่ารักสดใสจาก LINE ทั้งบราวน์โคนีและแซลลีบัตรเดบิตออนไลน์ (Online Debit Card) ที่สามารถสมัครและใช้งานได้ทันทีบนแอปพลิเคชัน LINE และบัตรเดบิตคู่วงเงินที่สามารถแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อยอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอพร้อมให้ดึงเงินจากวงเงินให้ยืมมาใช้จ่ายต่อได้ทันทีไม่มีสะดุดบริการวงเงินให้ยืม บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบดิจิทัลผู้ใช้บริการสามารถขอวงเงินสินเชื่อได้ด้วยตัวเองทุกที่ทุกเวลาอนุมัติไวเบิกเงินเข้าบัญชีได้ทันทีโดยผู้มีรายได้ขั้นต่ำแค่ 7,000 บาท จะสามารถขอสินเชื่อได้ช่วยปลดล็อคข้อ จำกัด ให้กับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำและไม่มีสลิปเงินเดือนเช่นฟรีแลนซ์และผู้ที่ทำธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก นายธนา กล่าวว่า อีกจุดเด่นของ LINE BK คือการตอบสนองความต้องการในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ยืมที่มากขึ้นการให้บริการวงเงินให้ยืมจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะฉีกกรอบการกู้ยืมเงินในรูปแบบเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับการกู้ยืมเงินแบบทั่วไป LINE BK จะมีขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงของการอนุมัติสินเชื่อที่แตกต่างโดยใช้รูปแบบเฉพาะที่จะนำข้อมูลทางการเงินและโซเชียลมีเดียมาวิเคราะห์ร่วมกันทั้งนี้ LINE BK มีการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในทุก ๆ ส่วนโดย LINE BK จะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาของการสื่อสารของลูกค้าและจะไม่นำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลอย่างเด็ดขาดในด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้า LINE BK มีขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อย่างเป็นระบบโดยมีการป้องกันและรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นรวมถึงการเข้ารหัสความปลอดภัยของโครงสร้างระบบเครือข่ายและบริการ (Network and Application Encryption) และการปกป้องข้อมูลด้วยการเข้ารหัสฐานข้อมูลในรูปแบบเฉพาะ (Database Encryption) เพื่อให้ผู้ใช้บริการ LINE BK มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด” LINE BK จะยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การเงินในชีวิตประจำวันที่สะดวกและปลอดภัยให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเงินง่ายขึ้นและมีความเข้าใจในการเงินส่วนบุคคลมากขึ้นโดยตั้งเป้าหมายให้ LINE BK ขึ้นเป็น 1 ใน 5 บริษัท ชั้นนำด้านธุรกิจการให้บริการสินเชื่อภายในระยะเวลา 5 ปีพร้อมทั้งขยายบริการไปสู่บริการด้านการลงทุนและประกันในอนาคตอีกด้วย -สำนักข่าวไทย.
อพวช. พาชมศูนย์บริหารคลังตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยาและสตัฟฟ์สัตว์ พร้อมทั้งเจาะลึกเรื่องราวการทำ Taxidermy รักษาซากสัตว์ที่มีความพร้อมและสมบูรณ์ที่สุดในอันดับต้นๆ ของประเทศ
กรุงเทพฯ 20 ต.ค. ทีเอ็มเอ จับดีป้ายก “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน” กลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและสำรวจความพร้อมองค์กรไทย มอบรางวัล Thailand Digital Excellence Awards งานสัมมนาออนไลน์ “Digital Transformation Forum” และ “Thailand Digital Excellence Awards 2020” ที่มีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีท่านประธานพัฒนาประเทศเหมือนว่าแสดงความคิดเห็น นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้ากล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมดิจิทัลเติบโตขึ้นมากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจไทยที่ดำเนินมาในโครงสร้างแบบเดิมได้ถูกDisrupt จากระบบดิจิทัล ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ผลิตเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยไม่ผ่านคนกลาง การจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เราต้องพิจารณาสามเรื่อง คือ ต้องเร็ว ต้องสร้างความแตกต่าง และใช้การบริหารต้นทุนเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อไม่ให้โดน Disrupt ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างตัวเร่งภายในประเทศ วางโครงสร้างพื้นฐานระบบห่วงโซ่อุปทานให้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย พัฒนาแพลตฟอร์มไทยเพื่ออุตสาหกรรมไทย นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เทคโนโลยีทันสมัยได้ถาโถมเข้ามาอย่างไร้พรมแดน เช่น ปัญญาประดิษฐ์, IOT, Big Data และอื่น ๆ การเปลี่ยนผ่านเพื่อนำเทคโนโลยีทันสมัยเหล่านั้นมาใช้ เพื่อจะพัฒนาคุณภาพชีวิตและดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องปรับกระบวนความคิด หรือ Mindset รวมทั้งปรับพฤติกรรมและวัฒนธรรมที่เคยชิน โดยอุปสรรคที่สำคัญต่อการเปลี่ยนถ่ายไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ ก. กฎหมายที่บางทีเข้าใจยากซับซ้อนและบางทีอาจไม่เป็นธรรมต่อนักลงทุน ข. การแข่งขัน หากมีการแข่งขันที่ดีจะช่วยให้นวัตกรรมดี ๆ เกิดขึ้นได้ และ ค. ความคิด ควรเห็นวิกฤติเป็นโอกาส มองว่าการปรับสู่ดิจิทัลเป็นการลงทุนไม่ใช่ค่าใช้จ่าย นายอิษฎา หิรัญวิวัฒน์กุล Managing Director and Partner บริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด(BCG) กล่าวว่า สามคำที่คนยังเข้าใจสับสน คือ “Digitization เป็นการปรับการดำเนินงานจากที่เป็นระบบอนาล็อกสู่ระบบดิจิทัล แต่ยังนำไปประมวลผลไม่ได้ เช่น สแกนเอกสารเก็บในรูปแบบไฟล์พีดีเอฟ Digitalization คือ การนำdigital และ เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล แล้วทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กรได้ เช่น การนำข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ส่วน Digital Transformation เป็นการนำระบบดิจิทัลเข้ามาตอบโจทย์กลยุทธทางธุรกิจ เพื่อให้ส่วนงานหลักและงานสนับสนุนขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างระบบนิเวศน์ใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผสานกับกระบวนการ แนวทางการทำงาน รูปแบบขององค์กร และวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ขึ้นมา ผลลัพธ์ของการทำ digital transformation มีมากมายตั้งแต่การช่วยลดต้นทุน ทำให้นำสินค้าและบริการเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ที่สำคัญคือจะช่วยเพิ่มพูนทั้งความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างยอดขายให้องค์กรDAI หรือ Digital Acceleration Index เป็นตัวชี้วัดที่ทางBCGใช้เพื่อดูองค์กรนั้นๆว่าได้มีการทำ Digital Transformation ไปมากน้อยเพียงใด ตัวชี้วัดสามารถสรุปองค์กรออกมาได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆคือ Digital Starter, Digital Literate, Digital Performer และ Digital Leader. นางเอพริล ศรีวิกรม์ Country Manager, Google Cloud ประจำประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม กล่าวว่า พันธกิจหลักของกูเกิ้ล คือการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาธุรกิจ หรือใช้ในชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลา เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น AI และ Machine Learning ถือเป็นหัวใจหลักของเรา ข้อมูล หรือ Data คือสกุลเงินใหม่ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล แต่หลายองค์กรยังไม่ได้ตระหนักถึงพลังที่แท้จริงของ Big Data หากองค์กรธุรกิจสามารถพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของตนให้มีความคิดที่เน้นข้อมูลเป็นศูนย์กลาง (Data-Centric) พวกเขาจะสามารถผลักดันองค์กรให้ก้าวกระโดดไปได้ในทุกมิติของธุรกิจ นายวรวัจน์ สุวคนธ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงาน SCB Academy ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ”เรื่องหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญและดำเนินการมาโดยตลอด คือเรื่องการเตรียมความพร้อมของบุคลากรโดยได้มีการจัดตั้ง SCB Academy เพื่อดำเนินงานในเรื่อง Digital Transformation โดยนำเทคโนโลยีมาทดแทนการทำงานของคนในระดับหนึ่ง เช่น ระบบออโตเมชั่นและโรบอติกส์ เพื่อให้มีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้นและทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยลดขั้นตอน เวลา และต้นทุนในการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ซึ่งค่อนข้างมีผลกระทบกับพนักงาน ดังนั้นเป้าหมายหนึ่งในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานของธนาคารจึงเป็นการ Re-Skill พนักงานให้มีทักษะที่พัฒนาสูงขึ้นพร้อมกับการดำเนินงานของธนาคาร โดยยังต้อง Up-Skill ทักษะใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” การทำสำรวจ Digital Transformation สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ “ดีป้า” ร่วมกับ บอสตันคอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG) ได้ทำการสำรวจการเปลี่ยนแปลงองค์กรในประเทศไทยสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล โดยใช้เครื่องมือ Digital Acceleration Index (DAI) ของ BCG ซึ่งครอบคลุม 4 เรื่องหลัก คือ แผนกลยุทธ์ธุรกิจที่ขับเคลื่อนโดยดิจิทัล การใช้ดิจิทัลในการทำงานหลักขององค์กร เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายปฏิบัติการ การพัฒนาการใช้ดิจิทัลหรือการมีดิจิทัลใหม่ๆ ในองค์กร และการใช้ดิจิทัลที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้เข้าใจสภาพการณ์ของ digital transformation ในประเทศไทย และศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่องค์กรควรให้ความสำคัญเพื่อสามารถเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัลได้สำเร็จ มีองค์กรชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 60 แห่ง จาก 7 อุตสาหกรรมซึ่งข้อมูลถูกนำมาเปรียบเทียบกับองค์กรระดับโลก 2,000 กว่าแห่งทั่วโลก ใน 36 มิติ โดยพบว่าองค์กรที่เปลี่ยนผ่านให้เป็นองค์กรดิจิทัลได้ มีมูลค่าองค์กรเป็น 2.4 เท่า เทียบกับองค์กรที่ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้านนี้ จากผลการสำรวจ แม้องค์กรส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงต้นของการทำ digital transformation แต่ก็กำลังใกล้จะข้ามขั้นไปสู่วุฒิภาวะทางดิจิทัล โดยองค์กรเหล่านี้มีความมุ่งมั่นที่เป็นองค์กรชั้นนำในด้านนี้ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อให้สามารถเปลี่ยนผ่านสำเร็จและได้ประโยชน์เต็มที่จากการนี้ องค์กรไทยจำเป็นต้องลงทุนสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านดิจิทัล ทำดาต้าแพลทฟอร์ม นำออโตเมชั่นมาใช้ในกระบวนการทำงาน และสร้างระบบนิเวศน์ด้านดิจิทัลขึ้นมาในองค์กร ทั้งนี้ พบว่าในทุกอุตสาหกรรมที่สำรวจ มีตัวอย่างขององค์กรที่สามารถผลักดันตนเองขึ้นมาจนใกล้สู่ระดับdigital leadership ได้แล้วเช่นกัน หากมองตามอุตสาหกรรม สถาบันการเงินเป็นกลุ่มที่มีความก้าวหน้าในเรื่องนี้มากที่สุด ซึ่งผลที่ออกมาสอดคล้องกับทุกภูมิภาคของโลก ส่วนธุรกิจเฮลธ์แคร์ตามมาเป็นที่สอง สอดคล้องกับตลาดเอเชียซึ่งในกรณีนี้ต่างไปจากทางอเมริกาหรือยุโรป พิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เป็นแรงผลักดันประกอบกับความมุ่งมั่นขององค์กรในประเทศไทย เราคงจะได้เห็น Bionic Company นั่นคือองค์กรที่สามารถผสานการทำงานของดิจิทัลเข้ากับการทำงานของทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง 4 ด้านอย่างสมบูรณ์ในอนาคต-สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 19 ต.ค กสทช. แจงเพิ่งได้รับหนังสือจากกระทรวงดีอีเอส แจงหลักปฏิบัติการดำเนินการเกี่ยวกับเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่ผิด ชี้จะดำเนินการตาม กฎหมาย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (19 ต.ค. 2563) สำนักงานกสทช. เพิ่งได้รับหนังสือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวง ดีอีเอส) เรื่อง ขอให้ดำเนินการระงับการกระทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ สำนักงาน กสทช. ขอเรียนว่า หลักปฏิบัติโดยทั่วไปเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวเนื้อหาที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตว่า ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2563 กระทรวงฯ เป็นผู้มีอำนาจในการชี้ว่าเนื้อหาใดที่ปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ตผิดตาม พ.ร.บ. และจะประสานงานไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และผู้ให้บริการโครงข่าย (IIG) ในประเทศไทยให้ดำเนินการตามกฎหมาย และจะส่งเรื่องมาให้สำนักงาน กสทช. ช่วยกำชับไปยัง ISP และ IIG ให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว สำหรับในกรณีนี้ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความผิดร้ายแรง ได้มีคำสั่งที่ 11/2563 เรื่องระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความใน ม. 9 ประกอบ ม. 11 ตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ให้สำนักงาน กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการเพื่อระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ทางกระทรวงฯ จึงได้ขอความร่วมมือให้สำนักงาน กสทช. จะประสานไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทุกรายดำเนินการตามคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความผิดร้ายแรง ต่อไป-สำนักข่าวไทย.
อว. 19 ต.ค.63 – อพวช. จับมือสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดโครงการวันเดียวเที่ยว Museum ชูพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด กระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ที่ได้ความรู้และความสนุก องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. ลงนามความร่วมมือสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ณ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรุงเทพฯ โดยนำร่องโครงการ “วันเดียวเที่ยว Museum” เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้โปรแกรมการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้ใน 1 วัน โดยจะบรรจุอยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวของบริษัททัวร์ หรือผู้ประกอบการท่องเที่ยว เครือข่ายสังกัด สทท. และ ททท. ซึ่งจะช่วยผลักดันปลุกกระแสการท่องเที่ยวที่ได้ทั้งความสนุก และการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยมี ผศ.ดร. ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า อพวช. มีพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ 4 […]
กรุงเทพฯ 19 ต.ค.- นายกฯ ไฟเขียวบอร์ดดีอีรับร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศฯ รอเสนอเข้า ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ครั้งที่ 4/2563 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. …. และเห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า ดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า ควบคู่ไปกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อให้สู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของประเทศ อีกประเด็นสำคัญคือ ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต เพราะดาวเทียมใหม่ๆ ที่จะขึ้นสู่วงโคจรภายหลังมีการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ ต้องไม่มีปัญหาอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับสัญญาสัมปทานดาวเทียมก่อนหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานบอร์ดดีอี กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศฯ ฉบับนี้มีความสำคัญ และจะสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติ ตลอดจนช่วยส่งเสริมกิจการอวกาศทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. …. ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ 1.ก่อให้เกิดนโยบายและแผนการบริหารจัดการด้านกิจการอวกาศอย่างเป็นรูปธรรม 2.เป็นการยกระดับกฎหมายเพื่อให้เกิดการกำกับ และส่งเสริมกิจการอวกาศทั้งภาครัฐและเอกชน 3.ทำให้มีกลไกสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศด้านอวกาศ และ 4.มีกลไกการขับเคลื่อนนโยบายอวกาศ 2 รูปแบบ ได้แก่ (1) คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายกิจการอวกาศตามขอบเขตของพระราชบัญญัติ และ (2) สำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการให้กับคณะกรรมการฯ และกำกับการดำเนินงานตามขอบเขตของนโยบาย ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยและประชาชนทุกกลุ่มใช้ประโยชน์จากดิจิทัลได้อย่างสูงสุด มีการลงทุนวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และจัดสร้างแพลตฟอร์มที่จะสนับสนุนเป้าหมายการมุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ รองรับการนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดทำนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกมิติ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ดังนั้น การบ้านต่อจากนี้ไปของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบเร่ง “การสร้างความรับรู้” ความก้าวหน้าเหล่านี้ กระจายให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายรับทราบในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าถึงการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล เพื่อให้เข้ามาร่วมใช้ประโยชน์จากสิ่งที่รัฐจัดทำไว้ให้แล้ว “ผมขอฝากให้ช่วยกันในสถานการณ์ช่วงนี้ด้วยว่า อย่าให้ละเมิดกฎหมาย ถ้าละเมิดเรามีหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เราก็ให้ความสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กำลังโดยไม่จำเป็น เพราะมีกลุ่มเด็กถูกนำเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย เราจึงต้องระมัดระวังให้ผู้ชุมนุมปลอดภัยด้วย ขอย้ำว่าเรามุ่งมั่นบริหารประเทศ เดินหน้าประเทศไปข้างหน้าท่ามกลางปัญหาต่างๆ ได้แก่ โควิด และภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ที่ผ่านมาเราทำงานแก้ปัญหาทุกเรื่อง แต่มีคนเอาไปบิดเบือน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงความคืบหน้าของการควบรวมกิจการ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม โดยตั้งเป้าหมายว่ากระบวนการควบรวมจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (เอ็นที) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 พร้อมรับข้อเสนอแนะของนายกรัฐมนตรี ที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับบุคลากรของทั้งสององค์กรว่า การควบรวมดังกล่าวจะไม่ทำให้เสียประโยชน์ นอกจากนี้ ยังได้รายงานต่อที่ประชุมฯ เพื่อรับทราบการดำเนินงานที่สำคัญภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ.2561– 2580) ในด้านต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนากำลังคนดิจิทัล ที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนงานด้านอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ในมิติต่างๆรวมถึงการส่งเสริมการใช้งานโดรน ที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้ให้ทุนแก่เกษตรกร ในการประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อการเกษตร โดยดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับให้กับเกษตรกรในหลายพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาบริการ เช่น บริการบินโดรนพ่นสารน้ำ และยาบำรุงพืช เป็นต้น ช่วยให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับคนในชุมชนได้อีกช่องทางหนึ่ง รวมทั้งยังมีความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเลเกาะลิบง “เนื่องจากโดรนเป็นอุปกรณ์ที่เข้าถึงพื้นที่ส่วนบุคคลได้โดยง่าย ในประเทศไทยจึงได้วางกฎและมาตรการในการใช้โดรน เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิส่วนบุคคล และการรักษาความปลอดภัย” นายพุทธิพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย