fbpx

ดีอีเอาแจงปิดกันสื่อโซเชียลเฉพาะที่ขัดกฎหมายยันไม่กระทบภาพรวม

กรุงเทพฯ 20 ต.ค. ดีอีเอส ยืนยันปิดเฉพาะโซเชียลทำผิดกฎหมาย เชื่อไม่กระทบผู้ใช้ออนไลน์ในภาพรวม


นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวภายหลังการ แถลงข่าวร่วมกับกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) วันนี้ (20 ต.ค.) ว่า จากการที่ดีอีเอส ตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุม และได้ประสานกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และประสานงานการตรวจพบการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และดำเนินการร้องขอคำสั่งศาลในการระงับหรือลบข้อมูลผิดกฎหมายนั้น ล่าสุดแม้มีการตรวจพบข้อความที่มีการละเมิดกฎหมายกว่า 3 แสนเรื่อง แต่ในแง่การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในช่วง 2 วันที่ผ่านมามีเพียง 58 ราย  ในจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย การกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14 จำนวน 24 ราย โดยเป็นการนำเข้าข้อความเป็นเท็จ หลอกลวง สร้างผลกระทบต่อประเทศในวงกว้าง และยุยุงปลุกปั่น เป็นต้น ที่เหลือเป็นการละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 32 ราย และอื่นๆ 2 ราย ซึ่งกระจายเผยแพร่อยู่ในหลากหลายแพลตฟอร์มโซเชียล

“ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนและผู้ใช้งานออนไลน์/โซเชียลว่า ในการดำเนินการตามกฎหมายนั้น เราจะดูเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง และกระทบคนส่วนใหญ่ที่มีการใช้ช่องทางเหล่านี้ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ หรือการทำธุรกิจ ในการขอความร่วมมือแพลตฟอร์มเพื่อระงับ/ปิดกั้นการเข้าถึง เรามุ่งดำเนินการเฉพาะกับเฉพาะรายการโพสต์/ยูอาร์แอลที่มีข้อความผิดกฎหมาย ไม่ใช่การขอคำสั่งศาลเพื่อปิดแพลตฟอร์มทั้งระบบ แต่จะเป็นบางรายการที่มีความผิดชัดแจ้ง ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่ต้องกังวลใจ” นายภุชพงค์กล่าว


รองปลัดดีอีเอส กล่าวอีกว่า ล่าสุดในจำนวน 58 รายที่เข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายมีการปิดกั้นไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ ความคืบหน้าของการระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ดีอีเอส ดำเนินการตรวจสอบและระงับการเผยแพร่ของสื่อที่เข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น ทางดีอีเอสได้ตรวจสอบ ประมวลโดยฝ่ายกฎหมาย เสนอศาลปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ของสื่อ 4 องค์กร ได้แก่ วอยซ์ทีวี ประชาไท  The Reporters และ The Standard  วันนี้ (20 ต.ค. 63) ศาลมีคำสั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของวอยซ์ทีวี แล้ว ส่วนอีก 3 สื่อยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา

ส่วนกรณีแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม (Telegram) จากการที่ศูนย์เฝ้าระวังฯ ของดีอีเอส ตรวจพบการใช้แอปดังกล่าวในการนัดหมาย เชิญชวนชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน ข้อกำหนดออกตามความใน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จึงแจ้งเรื่องไปยัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อรับทราบและพิจารณาข้อมูลดังกล่าว

หลังจากนั้น ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ได้มีคำสั่งที่ 11/2563 เรื่อง ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะ โดยให้สำนักงาน กสทช. และดีอีเอส ดำเนินการเพื่อให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ (เทเลแกรม)


นายภุชพงค์ กล่าวย้ำว่า การที่ กอร.ฉ. มีคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การปิดระบบหรือการเข้าถึงแอปเทเลแกรมทั้งหมด ในส่วนผู้ใช้งานทั่วไป ยังคงสามารถใช้งานได้ปกติ แต่จะดำเนินการตามกฎหมายเฉพาะกลุ่มสนทนา หรือกลุ่มผู้ใช้งาน ที่ใข้แอปนี้เพื่อเชิญชวนหรือนัดหมายการชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

“ขอเรียนว่ากระทรวงฯ ได้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตามขั้นตอนตามกฎหมาย และมีการขอความเห็นชอบต่อศาลมาโดยตลอด ไม่มีการทำเกินอำนาจหน้าที่ หรือเลือกปฏิบัติ โดยเคารพสิทธิการเข้าถึงสื่อทุกประเภทของประชาชนโดยเสรี ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด” นายภุชพงค์กล่าว-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบรอง ผอ.โรงเรียนดัง หน.แก๊งค้ายา พบข้าราชการเป็นลูกค้าเพียบ

รวบหัวหน้าแก๊งค้ายาเป็น “รอง ผอ.” โรงเรียนดังย่านปากเกร็ด พร้อมสมุน ขยายผลพบลูกค้าเป็นข้าราชการอีกจำนวนมาก

คนไทย-คนจีนขับรถไล่ชนกันหน้าคลับดังเมืองพัทยา คาดหึงหวงสาวที่มาด้วย

รถตู้ 3 คัน และรถฟอร์จูนเนอร์ 1 คัน ขับไล่ชนกันไปมา บริเวณหน้าคลับแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา พบเป็นศึกระหว่างคนไทย 1 กลุ่ม และคนจีน 1 กลุ่ม สาเหตุคาดมาจากคนจีนหึงหวงแฟนสาวที่มาด้วย

ปัญหาต่างชาติในภูเก็ต ตอนที่ 3

ปัจจุบันการเข้ามาทำธุรกิจรถเช่าของต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีในภูเก็ตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่รถของชาวต่างชาติในภูเก็ตก็มากขึ้นด้วย ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่โยงใยไปถึงเรื่องของภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยว ไม่เฉพาะแค่ภูเก็ต แต่เป็นของเมืองไทยด้วย

ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้อง คุณหญิงพรทิพย์ และพวก ในคดี GT200

ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้อง “คุณหญิงพรทิพย์” และพวกรวม 10 คน ในคดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT200 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ระบุไม่พบมีมูลความผิด ทุจริต มีการแสวงหาประโยชนแก่ตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ

ข่าวแนะนำ

สยอง! เครนก่อสร้างถล่ม เสียชีวิตหลายราย

เครนถล่มในไซต์ก่อสร้างบริษัทจีนแห่งหนึ่งใน อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย กู้ภัยถูกปิดล้อม ยังไม่ยอมให้นำศพออกมา

นายกฯ ขอให้เชื่อมั่น นำ ปท.แก้วิกฤติ เหน็บบางคนนั่งบนหอคอย  

“เศรษฐา” ขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกฯ เข้าใจธุรกิจ พร้อมนำประเทศแก้วิกฤติ เหน็บบางคนนั่งบนหอคอย ลงมามือเปื้อนดิน ตีนเปื้อนโคลนบ้าง น้อยใจ รมว.คลัง ไม่มีอำนาจลดดอกเบี้ย  

“บิ๊กต่อ” ส่งทนายยื่นฟ้อง “ทนายตั้ม” แฉโยงเส้นเงินพนัน

“บิ๊กต่อ” ส่ง “อัจฉริยะ” เดินหน้าชน “ทนายตั้ม” ยกแรกยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท หลังถูกกล่าวหาว่ามีเส้นเงินจากเว็บพนันโยงคนใกล้ชิด ผบ.ตร.