สวทช.เตือนอันตรายสารระเหยจากวัสดุในรถไม่ได้มาตรฐาน

กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. สวทช.เตือน สารระเหยจากวัสดุภายในรถที่ไม่ได้มาตรฐาน สร้างความเสี่ยงเป็นโรคร้ายได้ ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) หรือ NCTC เป็นศูนย์ทดสอบที่อยู่ภายใต้ระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ ISO/IEC17025 ตามมาตรฐานสากล  รายงานว่า ส่วนประกอบของวัสดุภายในรถยนต์ทุกอย่างตั้งแต่พวงมาลัย แผงคอนโซลหน้ารถ เบาะที่นั่ง ไปจนถึงที่วางแขน และอื่นๆ ส่วนใหญ่ทำด้วยพลาสติก กาว ผ้าและวัสดุอื่น ๆ ที่สามารถ ปล่อยก๊าซทางเคมีสู่บรรยากาศ ซึ่งสารเหล่านั้นเป็นสารประกอบอินทรีย์ระเหย หรือ VOCs (Volatile Organic Chemicals) ที่สามารถระเหยเป็นไอและกระจายอยู่ในอากาศได้โดยที่เรามองไม่เห็น และแน่นอนว่าสารเคมีที่ระเหยออกมาล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา อาทิ สารเบนซีน (Benzene) ที่เป็นสารประกอบของพลาสติก จัดเป็นสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์ หรือสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) สารประกอบของกาว ฉนวนโฟม และใช้ในการเคลือบสิ่งทอ หากร่างกายได้รับสารเข้าไปในปริมาณมากก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งปอดและมะเร็งหลังโพรงจมูกได้ เป็นต้น ซึ่งหากวัสดุภายในรถไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ สารเคมีต่างๆก็จะสามารถปล่อยก๊าซทางเคมีออกมาได้ โดยเฉพาะในเวลาที่เราจอดรถไว้ในที่อุณหภูมิสูง การทดสอบคุณภาพและมาตรฐานของวัสดุภายในรถจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) หรือ NCTC เป็นศูนย์ทดสอบที่อยู่ภายใต้ระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ ISO/IEC17025 ตามมาตรฐานสากล เป็นศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบตามวิธีมาตรฐานต่างๆด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย และได้มาตรฐาน พร้อมนักวิจัยและวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้สามารถวิเคราะห์ทดสอบงานที่ซับซ้อนได้ เปิดดำเนินการ 7 วัน 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการด้วยความสะดวกและรวดเร็ว NCTC สนับสนุนกลุ่มงานอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพในการต่อยอด (First S-Curve) และ 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) อีกทั้งสนับสนุนการทำวิจัยและพัฒนาสินค้ามูลค่าสูงให้กับภาครัฐและเอกชน พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านการวิเคราะห์ทดสอบโดยให้บริการในรูปแบบเครือข่ายศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ทำงานร่วมกับศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ทดสอบระดับอาเซียน (Asean Testing Hub) และเป็น Testing solution provider ที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก ศูนย์ฯ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การวิเคราะห์และทดสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าตามมาตรฐานสากล  โดย NCTC เปิดให้บริการครอบคลุมในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ หุ่นยนต์และแมคาทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งหมายรวมถึงวัสดุภายในรถ ด้วยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทางเคมีที่มีเทคโนโลยีและผู้เชียวชาญที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล จึงทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ถึงผลทดสอบคุณภาพและมาตรฐานของวัสดุภายในรถ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบยังต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของผู้บริโภคนั่นเอง NCTC เปิดดำเนินการแบบ One-Stop Service: 7 วัน 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการด้วยความสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ทดสอบระดับอาเซียน (Asean Testing Hub) และเป็น Testing Solution Provider อีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-117-6850-57 อีเมล์ : nctc@nstda.or.th-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสจี้ตร.ปอท.เอาผิดคนโพสต์ละเมิด

กรุงเทพฯ 6 ม.ค. พุทธิพงษ์ จี้ตำรวจ ปอท.เร่งดำเนินคดี คนโพสต์ละเมิดสถาบันหลัก หลังแจ้งความนานกว่า 2 เดือนไม่คืบเดินหน้าแจ้งความ FB-Twitter ปิดกั้นโพสต์หมิ่นไม่หมด พบ ล่าสุดอสส.รับคดีฟ้องเฟซบุ๊คเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว  นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปี 2563 ที่ผ่านมา ตนไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเพิกเฉยต่อกรณีการกระทำความผิดโพสต์ข้อความมีเนื้อหาและภาพไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสถาบันฯ ทางสื่อสังคมออนไลน์  โดยได้เน้นย้ำให้กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ปท.) กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งขอคำสั่งศาลส่งไปยังผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการทางกฎหมาย ไปแล้วนานกว่า 2 เดือน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการสืบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ  ขณะที่พบว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2563  มีผู้โพสต์เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(3),(5) รวมทั้งสิ้น 638 URLs (รายการ) พนักงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบตัวตนบุคคลแล้ว 26 บัญชี  ซึ่งได้แจ้งความให้ทาง ปอท.แล้ว และทราบว่าต้นเดือนนี้ปอท. เตรียมเรียก 9 รายมาสอบสวน ซึ่งพบว่าเป็นคนเดิมที่กระทำผิดซ้ำหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะเรียกรายอื่น ๆ ที่พิสูจน์ตัวบุคคลได้แล้วและจะเรียกพบเจ้าหน้าที่ในลำดับต่อไป ขณะเดียวกัน ดีอีเอส ยังคงเดินหน้า แจ้งความเฟซบุ๊คและแพลตฟอร์มต่างชาติ 2 ราย ที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการปิดกั้นหรือลบข้อความไม่เหมาะสม ตามคำสั่งศาลที่พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งไป รวม 7 ชุด ทั้งหมด 8,443  URLs(รายการ) โดยFacebook มากสุด 5,494 URLs ลบข้อความบางส่วน แต่ยังคงเหลือ 2,387 URLs  และTwitter คงเหลือจำนวน 611 URLs ซึ่งเกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย 15 วัน โดย กระทรวงดิจิทัลฯได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ให้บริการทั้ง2 รายต่อ ปอท.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการกฎหมาย และประสานอัยการสูงสุด กรณีเฟซบุ๊ค  ที่ล่าสุด อัยการสูงสุดได้รับเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว -สำนักข่าวไทย.

แชทบอท Away COVID-19 รู้ทันโควิด-19

กรุงเทพฯ 5 ม.ค. – แชทบอท  Away COVID-19 รู้ทันโควิด-19 สามารถบอกว่าพื้นที่ที่คุณกำลังเข้าไปมีอันตรายจากโควิด-19 หรือไม่ จากตัวเลข  745 แล้วตกใจ เราไม่รู้ว่าใครติดโควิด-19 หรือเปล่า สถานที่ที่เรากำลังจะไป ปลอดภัยแค่ไหน ขอแนะนำ แชทบอท Away COVID-19 ผลงานจากโครงการ NU x LINE Mentorship Programme แอด แชตบอตใน Line ใช้การตรวจเช็กพื้นที่เสี่ยงของโควิด-19 ระลอกนี้   Away COVID-19  แสดงจุดหรือพื้นที่ที่มีเคสโควิด-19 บนแผนที่ทำให้เรารู้ได้ว่าจุดไหนบ้างที่เป็นพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 ระลอกใหม่  Away COVID-19 แจกแจงข้อมูลรายงานให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจน มีการแบ่งพื้นที่ครบทั้งประเทศ ตรวจดูด้วยแผนที่ทุกจังหวัด และช่วงเวลา  แยกตามพื้นที่ เพศ จังหวัด และเวลา  Away COVID-19 เป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสาร หมายเลขฉุกเฉิน สามารถค้นหาสถานพยาบาล ในพื้นที่ไว้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ทันที.-สำนักข่าวไทย

รวมข่าว “โควิด-19” ประจำวันที่ 2 ม.ค. โดย “สำนักข่าวไทย”

“สำนักข่าวไทย” รวบรวมข่าว สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2564 ให้ผู้อ่านติดตามข่าว สถานการณ์ ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ยกระดับ 28 จว. พื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อคุมโควิด พร้อมรายละเอียดมาตรการ ไทยติดโควิด-19 เพิ่ม 216 รายเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เปิดรายละเอียดมาตรการดำเนินการพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด  ศธ.สั่งปิดโรงเรียนใน 28 จว.เสี่ยงโควิด 4-31 ม.ค. สอศ.สั่ง #ปิดอาชีวะ ทุกแห่งใน 28 จว.พื้นที่ควบคุมสูงสุด 4-31 ม.ค. เช็กเลย! รวมประกาศ-คำสั่ง-มาตรการคุมโควิดแต่ละจังหวัด   ให้ทุกศูนย์การค้าปิดทำการเวลา 21.00 น. ฟังชัดๆ ไขข้อสงสัย ทำไมถึงไม่ #ล็อกดาวน์ เจ็บแต่จบ ?  รมช.สธ.จ่อเสนอล็อกดาวน์จว.ภาคตะวันออก 28 วันหลังผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย ปทุมธานีพบต่างด้าวติดโควิด […]

ศบค.ยกระดับ 28 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด

ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัดสกัดโควิด

กทม. 2 ม.ค. 64 ศบค.จ่อยกระดับ 28 จว.พื้นที่ควบคุมสูงสุด ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิว เน้นปิดที่คนหมู่มาก เตรียมเสนอมาตรการดำเนินการ 2 ขั้น ให้มีผลวันที่ 4 ม.ค. เพื่อหยุดการแพร่ระบาด ส่วนประกาศต้องรอนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.เซ็นลงนามในคำสั่งอีกครั้ง จะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้ง การแถลงข้อมูลออกมาก่อนเพื่อให้ประชาชนเตรียมตัว หลัง ศบค.แถลงวันนี้ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 216 ราย เสียชีวิต 1 ราย ชี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น -ศปก.ศบค. กำหนดมาตรการป้องกันโควิดฯ 2 ขั้น โดยขั้นที่ 1 เริ่ม 4 ม.ค.-1 ก.พ.64 หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะใช้ขั้นที่ 2 ยืนยันยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว แต่เน้นการปิดสถานที่-สถานบริการ ที่มีคนหมู่มากไปใช้บริการ ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันที่จะต้องนำเสนอ ศบค. ให้ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ได้แก่ ตาก นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี […]

ดีอีเอสยดระดับไทยแลนด์โพสมาร์ทเป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชน

กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. “พุทธิพงษ์” ตั้งเป้าเพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชุน ติวเข้มทั่วไทยใช้เทคโนโลยีค้าขายออนไลน์ผ่าน Thailandpostmart รับมือโควิด-19 เผย ยอดคนส่งของทั้งปีผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 2,400 ล้านชิ้น เงินหมุนเวียนคืนชุมชนปีละกว่า 31ล้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยระรอกใหม่ ส่งผลให้ประชาชนต้องกลับเข้าสู่การระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น บางหน่วยงานเริ่มให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19  ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้การซื้อขายออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลฯ นอกจากจะให้บริการนำส่งจดหมาย พัสดุต่าง ๆ แล้ว ยังเปิดให้บริการขนส่งของดีจากวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ Thailandpostmart โดยเฉพาะผลไม้และผลิตผลทางเกษตรกรรมที่ไม่สามารถส่งออกไปขายต่างประเทศได้ เนื่องจากสถานการณ์โรคCOVID-19 ส่งผลให้ปี 2563 มีปริมาณการขนส่งพัสดุ จดหมาย และไปรษณียภัณฑ์ประเภทต่างๆ ผ่านไปรษณีย์ไทย รวมทั้งสิ้นกว่า 2,400 ล้านชิ้น ถือเป็นการปิดยอดขนส่งที่ดีในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า จะผลักดันเว็บไซต์ Thailandpostmart ไปยัง 250 ศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อการค้าขายสินค้าทางออนไลน์ ถือเป็นการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าชุมชนผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย  โดยปี 2564 จะดำเนินการเพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชนอีก 250 ศูนย์ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ -สำนักข่าวไทย.

กทม.ประกาศปิดสถานที่เสี่ยง 25 ประเภท

กทม.ประกาศปิดสถานที่เสี่ยง 25 ประเภท คัดกรองเข้ม 14 จุด เริ่ม 2 ม.ค.64

กทม.2 ม,ค, 64 – กทม.ออกประกาศปิดสถานที่เสี่ยง 25 ประเภท ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถานที่ที่ผู้ไปใช้บริการไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัยขณะทำกิจกรรมต่างๆได้ รวมถึงมีการสัมผัสจับต้องโดยตรงใกล้ชิด หรือมีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย จึงต้องคุมเข้มการปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่เกิดในช่วงเวลานี้ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ (2 ม.ค.64) เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นโรงเรียน สถาบันกวดวิชา และสถาบันการศึกษา ให้หยุดการเรียนการสอนไปก่อนจนถึง 17 ม.ค.64  ดาวน์โหลดประกาศคลิก http://www.prbangkok.com/th/post/view/MDY1cDBzNnM0NHIyb3Ezc3E2NnEyNDk0cDRyOTQzcjQzMjExMg==?fbclid=IwAR2kGuYDsUh7yMY48ShH_8vdurq5nO72v7uQfHYSutDgphuAfvwgOfr3JjI

ดีอีเอส เตือน ข่าวลวง ห้ามคนเดินทางข้ามจังหวัด

กรุงเทพฯ 31 ธ.ค. ดีอีเอส เตือนอย่าหลงเชื่อ หรือ แชร์ข่าวปลอม หลังพบคนโพสต์ สธ.ห้ามประชาชนเดินทางข้ามจังหวัด ว่อนโซเชียล จากกรณีที่มีการแชร์ภาพพร้อมข้อความว่า งดเดินทาง หรือ ห้ามประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดนั้น สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน นายพุทธิพงษ์   ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ยืนยันว่า เรื่องนี้ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบกับศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศห้ามหรืองดการเดินทางข้ามจังหวัดแต่อย่างใด มีเพียงการขอความร่วมมือจากประชนให้งดการเดินทางที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เป็นการเดินทางกลับเหมือนสถานการณ์ปกติและป้องกัน และลดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด-19 ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเข้มงวดในมาตรการด้านสาธารณสุข ออกไปไหนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัดเพื่อเป็นการป้องกัน และลดโอกาสการแพร่เชื้อ-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสเล็งฟัน8พันยูอาร์แอลหมิ่น

กรุงเทพฯ 30 ธ.ค. พุทธิพงษ์”  ลั่น เร่งเอาผิดกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ หลังยื่นคำสั่งศาลไปกว่า 8,000 URLs แต่ยังลบข้อความหมิ่นไม่หมด  เล็งบังคับใช้กฎหมายจริงจังกับผู้ใช้โซเชียลหน้าเก่าโพสต์ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  นายพุทธิพงษ์   ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวว่า  กระทรวงฯดำเนินการส่งคำสั่งศาลการแจ้งแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันหลักของชาติ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง จำนวน 8,443 URLs โดยแบ่งเป็นเฟซบุ๊ก 5,494 URLs ปิดกั้นแล้ว 3,107 URLs เหลืออีก 2,387 URLs ยูทูบ 1,755 URLs ปิดกั้นแล้ว 1,722 URLs เหลือ  33 URLs ทวิตเตอร์ 674 URLs ปิดกั้นแล้ว 63 URLs เหลือ 611 URLs และอื่นๆ 520 URLs ปิดกั้นแล้ว 133 URLs คงเหลือ  387 URLs ทั้งนี้มีบัญชีผู้ใช้งานรายเดิม แต่พบว่ายังมีการกระทำผิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น ชื่อบัญชีของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์Pavin Chachavalpongpun มีจำนวนคำสั่งศาล 194 คำสั่ง บัญชีของ นายสมศักดิ์  เจียมธีรสกุล Somsak Jeamteerasakul  มี51 คำสั่งศาล นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) มี 2 คำสั่งศาล  โดยกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.) กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รวบรวมหลักฐานส่งฟ้องต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์ม ตามมาตรา 27 และดำเนินคดีกับบัญชีผู้ใช้งานที่กระทำผิดแล้ว และอยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสประกาศให้ของขวัญปีใหม่คนไทย

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค.ดีอีเอส ประกาศของขวัญปีใหม่ 2564  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงฯ พร้อม 4 หน่วยงานในสังกัด จัดเตรียมของขวัญชุดใหญ่ เตรียมมอบให้กับประชาชนในโอกาสต้อนรับปีใหม่ 2564 โดยครอบคลุมทั้ง บริการแจ้งเตือนภัยธรรมชาติในพื้นที่ผ่านเอสเอ็มเอส โปรฯฟรีค่าโทรและไวไฟ ส่วนลดเติมเงินมือถือ ส่ง ส.ค.ส.ฟรีทางไปรษณีย์และส่วนลด 20% สำหรับการซื้อสินค้าผ่าน www.thailandpostmart.com ครบทุก 500 บาท พร้อมส่งฟรีทั่วไทย เป็นต้น โดยกรมอุตุนิยมวิทยา เตรียมบริการฟรีส่งข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนภัยธรรมชาติที่จะเกิดกับผู้รับผลกระทบในพื้นที่นั้นๆโดยจะส่งข้อความไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั้ง 5 ราย เพื่อแจ้งต่อไปยังประชาชนหรือนักท่องเที่ยวในพื้นที่ และเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคาดการณ์แนวโน้มดัชนีอากาศฟรีผ่านเว็บไซต์ ozone.tmd.go.th บ่งชี้คุณภาพอากาศโดยเฉพาะ PM 2.5 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ช่วงวันที่ 1-15 ม.ค.64 จะเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้อุตุนิยมวิทยา รวมทั้งศูนย์อุตุนิยมวิทยา5 แห่งที่จัดตั้งครอบคลุม 5 ภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ที่จ.เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, สงขลา และภูเก็ต ผู้สนใจจะได้มีโอกาสเรียนรู้เครื่องมือในการทำงาน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ปฏิบัติงานด้านอุตุนิยมวิทยา อีกทั้งเปิดโลกทัศน์ด้านแผ่นดินไหวให้กับผู้เข้าเยี่ยมชมผ่านเครื่องจำลองการสั่นไหวด้วย ทางด้าน บมจ.ทีโอที จัดเตรียม 2 โครงการเป็นของขวัญเอาใจทั้งลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์ประจำที่ (Fixed Line) และโทรศัพท์มือถือ โดยลูกค้าบริการ Fixed Line ทุกเลขหมาย จะได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าโทรศัพท์ประจำที่ทั่วไทย และเบอร์ TOT mobile ทุกหมายเลข ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. 63 – 2 ม.ค. 64 สำหรับลูกค้าบริการ TOT mobile ทั้งระบบรายเดือนและระบบเติมเงินทุกเลขหมาย  สามารถเลือกกดรับสิทธิ์ voice มูลค่า100 บาท ผ่านระบบ USSD *9020*1#กดโทรออก หรือกดรับสิทธิ์การใช้งานอินเทอร์เน็ต 5GB ผ่านระบบ USSD *9020*2#กดโทรออก โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 63 – 2 ม.ค. 64 และใช้งานได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 64 ขณะที่ บมจ. กสท โทรคมนาคม เตรียม 3 โครงการให้บริการพิเศษในเทศกาลปีใหม่ ได้แก่ โทร 009 ฟรีช่วงวันปีใหม่ประชาชนสามารถใช้บริการ CAT 009 ฟรีทั่วโลก โทรศัพท์หาเพื่อนฝูงญาติมิตรในต่างประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระยะเวลาตั้งแต่ 00.01 น. วันที่ 31 ธ.ค. 63 – 24.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 64 นอกจากนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการไวไฟฟรี จาก C internet by CAT ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.63 – 2  ม.ค. 64 อีกทั้งจัดแคมเปญmy by CAT โปรเติมเงินจ่ายครึ่งราคา ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้บริการ my แบบเติมเงิน โดยลดราคาแพคเกจเติมเงิน50% สมัครใช้บริการตั้งแต่ 15 ธ.ค. 63 – 15 ม.ค. 64 ในส่วนของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เตรียมอบของขวัญปีใหม่ผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งการ์ดอวยพร โดยงดเว้นค่าตราไปรษณียากร ช่วยลดค่าใช้จ่าย และส่งเสริมให้ประชาชนส่งความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ ผ่านบริการไปรษณีย์ คนละไม่เกิน 10 ชิ้น (บรรจุซองหรือไม่ก็ได้) ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.63 – 5 ม.ค.64 และโครงการให้ส่วนลด ร้อยละ 20 สำหรับการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com สามารถเลือกซื้อสินค้าชุมชนทางออนไลน์ โดยได้รับส่วนลดดังกล่าว สำหรับการซื้อสินค้า 500 บาท ขึ้นไปต่อ 1 รายการสั่งซื้อ พร้อมจัดส่งฟรีทุกรายการสินค้า ผู้สนใจใช้สิทธิ์ส่วนลดได้โดยพิมพ์THP2021 ลงในช่องโค้ดส่วนลด สำหรับการสั่งซื้อสินค้าในช่วงวันที่ 12 ธ.ค.63 – 12 ม.ค.64 จะช่วยให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าชุมชนที่นำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทาง www.thailandpostmart.com สามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มยอดขายสินค้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานราก ไปจนถึงผู้ประกอบการขนาดย่อมในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศไทยได้เป็นอย่างดี-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสจัดลำดับ10ข่าวลวงปี63

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค. ดีอีเอส เปิดสถิติ 10 ข่าวปลอมที่มีการแชร์มากสุดในปี 63 กระทรวงดิจิทัลฯ เผย 10 อันดับข่าวปลอมที่ถูกนำมาแชร์ซ้ำมากที่สุดในรอบปี 63 หมวดสุขภาพครองแชมป์ 3 อันดับแรกขณะนี้สัดส่วนข่าวปลอม ข่าวจริง และข่าวบิดเบือนบนเครือข่ายโซเชียล อยู่ในสัดส่วน 7:2:1 นายภุชพงค์  โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า จากที่ได้รับมอบหมายจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันตน์ รมว.ดีอีเอส ในการเร่งแก้ไขปัญหาข่าวปลอม โดยมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เป็นกลไกสำคัญ และถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล มุ่งเน้นการจัดการข้อมูลที่เป็นเท็จทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะข่าวปลอมที่สร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายกับประชาชนและสาธารณชนในวงกว้าง ล่าสุดศูนย์ฯ ได้รวบรวมข้อมูลจัดอันดับ 10 ข่าวปลอมที่มีการนำมาแชร์ซ้ำบ่อยสุดในรอบปี 2563  โดยพบว่าสัดส่วนหลักอยู่ในหมวดสุขภาพ รวมทั้ง 3 อันดันแรก ได้แก่ อันดับ 1 ดื่มสไปรท์ใส่เกลือ แก้ท่องร่วง ท้องเสียได้อันดับ 2 คลอรีนในน้ำประปาเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อน อันดับ 3 ใส่ผ้าอนามัยนาน ทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก อันดับ 4 งดใช้ตู้ ATM ที่ไม่มีไฟกระพริบตรงที่เสียบบัตร อันดับ 5 น้ำมันเบนซินมีสารระเหยดูดพิษจากแมลงกัดต่อยหายใน 3-5 นาที อันดับ 6 จัดตั้งจังหวัดในประเทศไทยเพิ่ม รวมเป็น 83 จังหวัด อันดับ 7 ผู้ประกอบการที่ใช้ตราฮาลาลบนสินค้า ไม่ต้องเสียภาษี  อันดับ 8 มหัศจรรย์น้ำปัสสาวะ รักษาโรคแก้ปวดเมื่อย ช่วยให้ตาใสมองเห็นชัด อันดับ 9 บริษัทชื่อดังฉลองวันพิเศษ แจกบัตรกำนัล สินค้า และรางวัลต่างๆ และอันดับ 10 กรอกแบบสอบถามจากหน่วยงานของรัฐลุ้นรับของรางวัลฟรี  “จากข้อมูลที่รวบรวมได้ สอดคล้องกับภาพรวมของจำนวนข่าวที่ผ่านการคัดกรองเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบในปีนี้ที่มีทั้งหมดกว่า 7 พันเรื่อง ในจำนวนนี้อยู่ในหมวดสุขภาพถึงร้อยละ 56 หรือกว่า 4 พันเรื่อง” นายภุชพงค์กล่าว ปีนี้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วทั้งหมด 4,198 เรื่อง พบสัดส่วนข่าวปลอม : ข่าวจริง : ข่าวบิดเบือน อยู่ที่ 7:2:1 โดยดำเนินการเผยแพร่ข่าวที่ตรวจสอบไปแล้ว 1,163 เรื่อง หมวดหมู่ที่ทำการประชาสัมพันธ์มากที่สุด คือหมวดหมู่สุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 69 ตามด้วย หมวดหมู่นโยบายรัฐ หมวดหมู่ภัยพิบัติ และหมวดหมู่เศรษฐกิจ

1 2 3 2,829
...