“ทุนหมุนเวียน” หนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

20 มิ.ย. – การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ทั้งในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจ การรักษาเสถียรภาพด้านราคา การกระจายรายได้ เพื่อให้ประเทศชาติมั่นคง เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเกิดความคล่องตัว จำเป็นต้องอาศัย “ทุนหมุนเวียน” มาเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ


ทุนหมุนเวียน คือ อะไร???
ความหมายตามพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
1) พ.ร.บ. เงินคงคลัง พ.ศ. 2491 ระบุความหมายของทุนหมุนเวียนไว้ว่า “ทุนหมุนเวียน” หมายความว่า ทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจการซึ่งอนุญาตให้นำรายรับสมทบทุนไว้ใช้จ่ายได้
2) พ.ร.บ. การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.2558 ระบุความหมายของทุนหมุนเวียน หมายความว่า “ทุนหมุนเวียน” หมายความว่า กองทุน กองทุนหมุนเวียน เงินทุน เงินทุนหมุนเวียน ทุน หรือทุนหมุนเวียน ที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจการที่อนุญาตให้นํารายรับสมทบทุนไว้ใช้จ่ายได้ โดยไม่ต้องนําส่งคลัง เป็นรายได้แผ่นดิน
3) พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ได้ให้ความหมาย “ทุนหมุนเวียน” หมายความว่า กองทุน กองทุนหมุนเวียน เงินทุน เงินทุนหมุนเวียน ทุน หรือ ทุนหมุนเวียน ที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจการที่อนุญาตให้นํารายรับสมทบทุนไว้ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนําส่งคลัง

“ทุนหมุนเวียน” ในที่นี้จึงหมายถึง กองทุน หรือ ทุนหมุนเวียน เงินทุน หรือ เงินทุนหมุนเวียน จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นของหน่วยงานรัฐ หรือ ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อกิจการที่อนุญาตให้นำรายรับสมทบทุนไว้ใช้จ่ายได้ โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ทุนหมุนเวียนถือเป็นเครื่องมือสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาประเทศ นับเป็นอีกแนวทางให้รัฐบาลมีช่องทาง ดำเนินกิจกรรมที่จำเป็นและสำคัญได้อย่างคล่องตัว เมื่อรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ตามแนวทางปกติ ทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นในหน่วยงานของรัฐ จัดตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และกฎหมายเฉพาะดำเนินการภายใต้กรอบวัตถุประสงค์และกิจกรรมที่แตกต่างกันตามความจำเป็นและภารกิจของ หน่วยงานนั้น ๆ


“ทุนหมุนเวียน” มีส่วนสำคัญในการตอบสนองนโยบายด้านต่าง ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารและการพัฒนาประเทศ ทั้งทางตรง และทางอ้อม เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การเข้าถึงแหล่งทุนอย่างเท่าเทียมกัน การสร้างโอกาสและพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกร แรงงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ การสร้างโอกาสทางการศึกษา สาธารณสุข การจัดสวัสดิการเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน การส่งเสริมการท่องเที่ยว สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี โดยขับเคลื่อนผ่านการดำเนินงานของกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย

จะเห็นว่า “ทุนหมุนเวียน” มีความสำคัญอย่างมากในการส่งเสริม ผลักดัน กระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม คุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้การดำเนินงานของทุนหมุนเวียนมีประสิทธิภาพสูงสุด การพิจารณาจัดตั้งทุนหมุนเวียน จะกระทำได้เฉพาะกรณีที่เป็นกิจกรรมที่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามหน้าที่ เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม หรือเพื่อช่วยเหลือในการครองชีพ และไม่สามารถใช้วิธีการดำเนินการตามระเบียบของทางราชการได้ ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวต้องกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดจากการดำเนินงานกลับเข้าสมทบเป็นแหล่งรายรับของทุนหมุนเวียน ซึ่งมิใช่มาจากเงินงบประมาณแผ่นดินแต่เพียงอย่างเดียว โดยอนุญาตให้นำเงินรายรับนั้นมาสมทบไว้ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง

การจัดตั้ง “ทุนหมุนเวียน”
ตาม พ.ร.บ. วินัยทางการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ตามมาตรา 63 กำหนดไว้ว่า การจัดตั้งทุนหมุนเวียนให้กระทำได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเท่านั้น โดยต้องมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งที่ชัดเจนและเป็นกรณีที่เป็นกิจกรรมที่หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม และเหมาะสมที่จะอนุญาตให้นำรายรับจากการดำเนินกิจกรรมนั้นสมทบทุนไว้ใช้จ่ายได้ รวมถึงไม่ซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว


คุณลักษณะของทุนหมุนเวียนที่รัฐขอจัดตั้ง ต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้
1.เป็นกิจกรรมของหน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม
2.การดำเนินงานต้องไม่ซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่ได้ดำเนินการแล้ว หรือไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่หลักของหน่วยงานอื่น หรือมีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับการปฏิบัติงานตามภารกิจปกติของส่วนราชการ


ปัจจุบันมีจำนวนทุนหมุนเวียนมากกว่า 100 ทุน แต่การดำเนินงานของแต่ละทุนหมุนเวียนมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐอื่น หรือทุนหมุนเวียนที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่อาจจะมีลักษณะการดำเนินงานคล้ายคลึงกัน ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการกำกับดูแล กรมบัญชีกลางได้แบ่งประเภทของทุนหมุนเวียนออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่

1.ประเภทเพื่อการกู้ยืม
ทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินทุนมาปล่อยกู้ (คิดดอกเบี้ย) หรือให้ยืมเงิน (ไม่คิดดอกเบี้ย) และมีการกำหนดให้ผ่อนชำระคืน โดยอาจจะมีรายจ่ายให้เปล่าบางส่วน หรือจัดหาสิ่งของ กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักเรียนนักศึกษา ข้าราชการ พนักงานของรัฐ และประชาชนทั่วไป เช่น เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน กองทุนช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น

2.ประเภทเพื่อการจำหน่ายและการผลิต
ทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อและ/หรือผลิตสินค้าต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายให้แก่หน่วยงานราชการ องค์กรเฉพาะกิจต่าง ๆ รวมทั้งภาคเอกชน และประชาชน เช่น เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช เงินทุนหมุนเวียนโรงงานเภสัชกรรมทหาร เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถ เป็นต้น

3.ประเภทเพื่อการบริการ
ทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ แก่หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป โดยมีรายได้หลักจากการให้เช่าเครื่องมืออุปกรณ์ การเก็บค่าเข้าชมสถานที่ ให้เช่า ให้ใช้สถานที่ เผยแพร่ผลงาน โดยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้า และบริการ เช่น เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง เงินทุนค่าเครื่องจักรกลของกรมทางหลวง เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการบริหารท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ – กองทัพเรือ เป็นต้น

4.ประเภทสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม
ทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เงินทดแทน ช่วยเหลือ สงเคราะห์แก่ประชาชนโดยรวม โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ด้อยโอกาส หรือประสบปัญหาความยากลำบาก ให้ได้รับประโยชน์จากภาครัฐอย่างเท่าเทียมกัน โดยกลุ่มเป้าหมายอาจมีส่วนร่วมในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนด้วย เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เป็นต้น

5.ประเภทเพื่อการสนับสนุนส่งเสริม
ทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ของภาครัฐ และประชาชนส่วนรวม โดยไม่มุ่งหวังผลกำไร ส่วนใหญ่เป็นการให้ความช่วยเหลือโดยการให้เปล่า (ผลประโยชน์เป็นของกลุ่มเป้าหมาย) เช่น กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น

นับว่าทุนหมุนเวียน มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการพัฒนา และสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการของรัฐในด้านต่างๆ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงทุนหมุนเวียน เพื่อรับการช่วยเหลือ สนับสนุน หรือบริการได้ตามช่องทางที่หน่วยงานกำหนดโดยตรง ซึ่งทุนหมุนเวียน ทั้ง 5 ประเภท กระจายตัวอยู่ในกระทรวงต่างๆ ทุนหมุนเวียน จึงเป็นทางออกของส่วนราชการ เพื่อนำมาใช้ดูแลประชาชนให้คล่องตัวได้อีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม กรมบัญชีกลางได้ผลักดันให้ทุนหมุนเวียน พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล มาให้บริการประชาชน/ผู้รับบริการ เพื่อให้ได้รับความสะดวก ถูกต้อง และรวดเร็ว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นำ ครม. แถลงผลประชุมนัดพิเศษ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – นายกฯ นำ ครม. แถลงผลประชุมนัดพิเศษ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน เศรษฐกิจ-ความมั่นคง-ภัยพิบัติ-สังคม เข้มปราบยา-พนันออนไลน์ ย้ำรัฐบาลนี้ไม่กาสิโน ลั่นทำงานไม่มีวันหยุด อาจประชุม ครม. มากกว่าสัปดาห์ละครั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คน แถลงผลการประชุม ครม.นัดพิเศษ ว่า ตนและคณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมนัดพิเศษเป็นครั้งแรก ซึ่งได้มีการรับทราบถึงวาระสำคัญ ดังนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะทำการแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเรากำลังรอคำยืนยันจากประธานรัฐสภาอยู่ คาดว่าต้นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบนโยบายของรัฐบาล มีสาระสำคัญ คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ การลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ผลักดันโครงการคนละครึ่ง ลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าพลังงาน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีค่าครองชีพ มีรายจ่ายลดลง นอกจากนั้น ในด้านพลังงาน จะสนับสนุนประชาชนได้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น สะดวกขึ้น […]

สีสันรัฐมนตรีรวมตัว ถ่ายรูปทำบัตร

24 ก.ย. – ทำเนียบกลับมาคึกคัก หลังรัฐมนตรีมารวมตัว ถ่ายรูปทำบัตร วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนได้เห็นตัวรัฐมนตรี และครบทั้งคณะ งานนี้เรียกว่าเต็มไปด้วยสีสัน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เสียงสั่นน้ำตาคลอ ซาบซึ้งหลังนำ ครม.ถวายสัตย์ฯ

ทำเนียบ 24 ก.ย.-นายกฯ ปลื้มปีติเสียงสั่นน้ำตาคลอ ซาบซึ้งหลังนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ลั่นพร้อมทำงานสุดความสามารถ สละทั้งชีวิตให้ราชบัลลังก์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล หลังจากเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ ที่ตึกบัญชาการ 1 ทันทีที่มาถึง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชวาทอย่างไรบ้าง โดยนายอนุทิน กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอ ว่า คณะรัฐมนตรีทุกคนได้รับพระราชทานพร และพระบรมราโชวาท ตนเชื่อว่า คณะรัฐมนตรีทุกท่านมีความปลื้มปีติ และจะต้องทำงานสนองพระเดชพระคุณ และสนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดความสามารถ สุดชีวิต สุดสมองของแต่ละท่านที่มีอยู่ เป็นมงคลสูงสุดที่พวกเราได้รับ ผู้สื่อข่าวกระเซ้านายกฯ ว่า ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ นายอนุทิน ยิ้ม และพยักหน้ารับ ก่อนย้ำว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สามัญชนอย่างตนพึงได้รับ จะไม่มีทางทำอะไรนอกจากทำคุณงามความดีให้กับประเทศและประชาชน ตามพระราชดำรัสที่ได้รับสั่งไว้ เมื่อถามว่า ยอมสละชีวิตได้ทุกอย่างเลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “สละทั้งชีวิตให้ราชบัลลังก์ ซึ่งทำมานานแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม”.-319.-สำนักข่าวไทย

สนง.เขตดุสิต ประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร ใกล้พื้นที่ถนนทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – สำนักงานเขตดุสิต ประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร ใกล้พื้นที่ถนนทรุดตัว หน้า รพ.วชิรพยาบาล กรณีเกิดถนนทรุดตัวขนาดใหญ่บริเวณถนนสามเสน ทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่แยกวชิรพยาบาล ถึงแยกราชวิถี ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการจราจร การประกอบอาชีพ และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบาก ตลอดจนสิ่งสาธารณะของประชาชนได้รับความเสียหายในพื้นที่ และถนนอาจทรุดตัวเพิ่มใกล้อาคารที่อยู่บริเวณถนนสุโขทัย แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นอาคารดังกล่าวอาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน เห็นควรหยุดใช้อาคาร หากมีการใช้อาคารอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ใช้อาคารได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สำนักงานเขตดุสิต จึงประกาศห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร […]