เงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด

25 มิ.ย. –“เงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด” หนึ่งใน “ทุนหมุนเวียน” ภายใต้การกำกับดูแลของระบบการบริหารทุนหมุนเวียน กับภารกิจ “ซื้อ ขายยาเสพติดให้โทษ”


“จัดหาและจำหน่ายวัตถุเสพติดทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมอย่างเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ” คือหนึ่งในพันธกิจของหน่วยงานที่มีชื่อว่า “กลุ่มเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด”

“กลุ่มเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด” เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อ ซื้อ ขายยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษประเภท 4 และวัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดให้โทษ เพื่อใช้ในทางการแพทย์วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมภายในราชอาณาจักร ให้กับสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชนทั่วประเทศ


ปัจจุบัน กลุ่มเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด บริหารงานภายใต้ คณะกรรมการอำนวยการเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานจากภายนอก ร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินการ อาทิ ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง ผู้แทนจากสำนักงบประมาณผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และผู้อำนวยการกองต่างๆ ในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 คน

มีการบริหารจัดการในรูปแบบเงินทุนหมุนเวียน ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.2558 และมีคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติดเป็นผู้กำกับติดตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการวัตถุเสพติด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านการปฏิบัติการและด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน

มาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะมีคำถามว่า วัตถุเสพติดทางการแพทย์ คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างจากยาเสพติดให้โทษ


พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แบ่งยาเสพติดออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
ประเภท 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง ไม่มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์ และทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาในระดับรุนแรง เช่น เฮโรอีน ยาบ้า ยาอี เป็นต้น

ประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป มีประโยชน์ในการรักษาโรค และทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรในระดับที่ต้องพึงระวัง เช่น มอร์ฟีน โคเคน โคเดอีน เป็นต้น

ประเภท 3 ยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย ตามที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้ เป็นยาที่ทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการติดยาของประชากรน้อย แต่ยังคงมีอันตราย และมีประโยชน์มากในการรักษาโรค เช่น ยาแก้ไอผสมโคเดอีน เป็นต้น

ประเภท 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือประเภท 2 เช่น อาเซติค แอนไฮไดรด์ (Acetic Anhydride) อาเซติลคลอไรด์ (Acetyl Chloride)

ประเภท 5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้อยู่ในประเภท 1 ถึงประเภท 4

ยาเสพติดประเภท 2 เอามาใช้ทางการแพทย์อย่างไรได้บ้าง?
ก่อนจะเป็นยาเสพติดประเภท 2 ส่วนใหญ่จะได้รับการสกัดมาจากยางของผลฝิ่น ซึ่งมีส่วนประกอบที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ เช่น
1.ใช้เป็นยาระงับอาการปวดหลัง หรือการผ่าตัดกรณีกระดูกหัก อาการปวดจากแผลไฟไหม้ และใช้ระงับปวดในผู้ป่วยระยะสุดท้ายของโรคมะเร็ง
2.ทำให้ผู้ป่วยมีอาการสงบ ระงับปวด ง่วงซึมเซาและรู้สึกสบาย
3.ยับยั้งการทำงานของศูนย์ควบคุมการไอได้ จึงใช้เป็นส่วนผสมในยาแก้ไอ แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด จำหน่ายวัตถุเสพติดทางการแพทย์ ให้แก่สถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชนทั่วประเทศ ในรายการยาดังต่อไปนี้
1.จำแนกตามกฎหมาย ประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 , ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 4 และวัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 2
2.จำแนกจากการนำไปใช้ประโยชน์ สามารถจำแนกได้ 8 กลุ่ม คือ

  1. Analgesics (กลุ่มยาแก้ปวดปวด)
  2. Anesthetic (กลุ่มยาสลบ)
  3. Anti-obesity (กลุ่มยาลดความอยากอาหาร)
  4. Anti – ADHD (กลุ่มยารัดษาโรคสมาธิสั้น)
  5. Nasal Decongestants (กลุ่มยาบรรเทาอาการคัดจมูก)
  6. Anti – Addictive (กลุ่มยาบำบัดผู้ติดยาเสพติด)
  7. Sympathomimetic drugs (กลุ่มยาที่มีผลกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ)
  8. Hypnotics (กลุ่มยานอนหลับ)

3.จำแนกตามประเภทของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย

  1. ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Finish Product)
  2. วัตถุดิบ (Raw materials)
  3. สารมาตรฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ (Reference standard

นอกจากการจำหน่ายวัตถุเสพติดทางการแพทย์แล้ว เงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด ยังดำเนินโครงการสำคัญ ๆ อีกหลายโครงการ เช่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนเครือข่ายทางการแพทย์ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องของ Palliatives Care เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการเข้าถึงยากลุ่ม Opioids ในสถานพยาบาล เกิดความเข้าใจการบริหารจัดการวัตถุเสพติดที่ใช้ในทางการแพทย์ให้เพียงพอตามความจำเป็นและเหมาะสม

โครงการพัฒนาระบบตรวจสอบและติดตามการสั่งซื้อและจัดส่งวัตถุเสพติดอัจฉริยะ (Smart Tracking) เนื่องจากภารกิจเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติดเกี่ยวข้องกับการจัดหาและจำหน่ายวัตถุเสพติดที่ใช้ในทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ ระบบคลังวัตถุเสพติด จึงมีความสำคัญในแง่ของความปลอดภัยของวัตถุเสพติด ความถูกต้องข้อมูล สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งสามารถสนับสนุนการทำงานร่วมกับระบบเงินทุนหมุนเวียนยาเสพติดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการคลังสินค้าวัตถุเสพติดแบบครบวงจร (Smart Inventory) ที่สามารถควบคุมและติดตามการเข้า-ออกของวัตถุเสพติดทางการแพทย์ภายในคลังสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการบริหารจัดการคลังวัตถุเสพติดมีรูปแบบที่ยืดหยุ่นในการจัดวางสินค้า โดยใช้ระบบในการคำนวณและคาดการณ์การใช้วัตถุเสพติดปริมาณมากไปน้อยเพื่อความเหมาะสมในการจัดวางสินค้า

แม้ว่ายาเสพติดให้โทษจะถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ แต่หากได้รับสารเสพติดในปริมาณมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของสารเคมีในสมองและระบบประสาท จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้งานอย่างเคร่งครัด รวมถึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานเฉพาะอย่าง “เงินทุนหมุนเวียนยาเสพติด” ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ ซื้อ ขายยาเสพติดให้โทษเหล่านั้นโดยเฉพาะ เพื่อการกระจายในระบบที่มีการใช้อย่างเหมาะสม ตามพันธกิจ จัดหาและจำหน่ายวัตถุเสพติดทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมอย่างเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ และ สนับสนุนการควบคุม กำกับ ติดตามการใช้ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

และนี่คือผลงานส่วนหนึ่งของการกำกับดูแลการบริหารทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพเพื่อเป็นกลไกหนึ่งให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย