ต่างชาติที่ร่วมพาราลิมปิกเข้า รพ.รักษาโควิดรายแรก

โตเกียว 26 ส.ค.- สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ชาวต่างชาติที่มีส่วนร่วมในการแข่งขันพาราลิมปิกโตเกียว 2020 เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นรายแรก โดยมีอาการไม่หนัก สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานอ้างคณะกรรมการจัดการแข่งขันว่า ชาวต่างชาติรายนี้ถือเป็นผู้มีส่วนร่วมในพาราลิมปิกรายแรกที่เข้าโรงพยาบาลเพราะโรคโควิด-19 หลังจากพาราลิมปิกเปิดการแข่งขันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ขณะที่รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า ปกติแล้วโรงพยาบาลในญี่ปุ่นจะรับรักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการหนักเท่านั้น รัฐบาลญี่ปุ่นและทางการกรุงโตเกียวร้องขอเมื่อวันจันทร์ ให้โรงพยาบาลในกรุงโตเกียวรับผู้ป่วยโควิด-19 ให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาล ทำให้ประชาชนไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล และทำให้นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะมีคะแนนนิยมลดลงมาก.-สำนักข่าวไทย

รพ. นครซิดนีย์ตั้งเต็นท์ฉุกเฉินหลังยอดป่วยโควิดพุ่งสูงสุด

โรงพยาบาลขนาดใหญ่ 2 แห่งของนครซิดนีย์ตั้งเต็นท์ฉุกเฉินนอกอาคารในวันนี้ เพื่อรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 1,000 คนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่พบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

เกาหลีใต้เสียชีวิตเพราะโควิดสูงสุดของปี

โซล 26 ส.ค.- เกาหลีใต้มีผู้เสียชีวิตเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 20 คนเมื่อวันพุธ ถือเป็นตัวเลขสูงสุดของปี 2564 ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้ออาการหนักเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้แจ้งว่า ยอดผู้ติดเชื้ออาการหนักเพิ่มขึ้นจาก 155 คนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการระบาดระลอก 4 เป็น 425 คนในวันที่ 25 สิงหาคม ขณะที่เตียงในหอผู้ป่วยวิกฤตสำหรับผู้ป่วยอาการหนักที่มีอยู่ทั้งหมด 833 เตียง ขณะนี้เหลือว่างเพียง 250 เตียงเท่านั้นนับจนถึงวันที่ 24 สิงหาคม ด้านสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) แจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,882 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสม 243,317 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 2,257 คน ส่วนในวันนี้เกาหลีใต้ได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มอายุ 18-49 ปี หวังเพิ่มอัตราผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นอย่างน้อยร้อยละ 70 และผู้ได้รับครบ 2 เข็มเป็นร้อยละ […]

ญี่ปุ่นพบสารแปลกปลอมในวัคซีนของโมเดอร์นา

โตเกียว 26 ส.ค. – กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า พบสารแปลกปลอมในวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวนหนึ่งของโมเดอร์นา และตัดสินใจระงับใช้วัคซีนลอตดังกล่าวที่มีอยู่ราว 1.6 ล้านโดส กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเผยว่า พบสารแปลกปลอมในวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาที่ยังไม่ได้เปิดใช้ 39 ขวดจากศูนย์บริการฉีดวัคซีน 8 แห่งทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม แต่ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ทาเคดา ฟาร์มาซูติคอล บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของญี่ปุ่นที่รับหน้าที่กระจายวัคซีนของโมเดอร์นาในประเทศ แจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าสารแปลกปลอมดังกล่าวเป็นสารชนิดใด วัคซีนลอตดังกล่าวได้รับการผลิตในสเปน และบริษัทได้ขอให้โมเดอร์นาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งประสานงานกับโมเดอร์นาและกระทรวงสาธารณสุขในทันที ในขณะเดียวกัน โมเดอร์นายืนยันว่าได้รับแจ้งเกี่ยวกับการพบสารแปลกปลอมในวัคซีนของโมเดอร์นาลอตหนึ่งของญี่ปุ่น ทั้งยังระบุว่า โมเดอร์นาได้สั่งระงับใช้วัคซีนลอตดังกล่าวและวัคซีนอีกสองลอตในญี่ปุ่นแล้ว วัคซีนของโมเดอร์นาที่พบสารแปลกปลอมได้รับการผลิตที่โรงงานในสเปน ขณะนี้ โมเดอร์นายังไม่พบปัญหาด้านความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ญี่ปุ่นพบสารแปลกปลอมในวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นา. -สำนักข่าวไทย

เตือนอันตราย “ท้าเดินบนพีระมิดลังนม”

ลอสแอนเจลิส 26 ส.ค.- ผู้เชี่ยวชาญเตือนไม่ควรทำตาม “คำท้าเดินบนพีระมิดลังนม” ที่กำลังเป็นกระแสล่าสุดในโลกออนไลน์ เพราะเสี่ยงทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ ช่วงหลายวันมานี้แอปพลิเคชัน TikTok และสื่อสังคมออนไลน์หลายแห่งเต็มไปด้วยคลิปคนในสหรัฐและหลายประเทศพยายามเดินบนพีระมิดลังนมที่วางเรียงอย่างไม่มั่นคง และส่วนใหญ่ล้มก่อนที่จะเดินจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งได้สำเร็จ แพทย์ห้องฉุกเฉิน ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแคนซัสในสหรัฐเตือนว่า การเล่นแบบนี้เสี่ยงทำให้ศีรษะกระแทกและเลือดออก และหากกระแทกกับลังนมอาจถึงขั้นหลังหักและเป็นอัมพาตได้ ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขเมืองบัลติมอร์ทวีตว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ล้นโรงพยาบาลอยู่แล้ว โปรดตรวจสอบโรงพยาบาลใกล้บ้านว่ามีเตียงว่างหรือไม่ ก่อนคิดรับคำท้า #milkcratechallenge ล่าสุดผู้ใช้ TikTok ไม่สามารถค้นหาคำว่า milkcratechallenge แล้ว หน้าเพจขึ้นประโยคว่า คำค้นหานี้อาจโยงกับพฤติกรรมหรือเนื้อหาที่ละเมิดกับแนวทางของ TikTok ซึ่งให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อการส่งเสริมประสบการณ์ที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์.-สำนักข่าวไทย

ตะวันตกเตือนสนามบินคาบูลเสี่ยงเกิดก่อการร้ายสูง

สหรัฐเตือนฝูงชนให้ออกจากท่าอากาศยานคาบูลในอัฟกานิสถาน ขณะที่อังกฤษและออสเตรเลียอ้างว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการก่อการร้าย

เกาหลีใต้เตรียมผ่านร่างกฎหมายสกัดเฟกนิวส์

โซล 25 ส.ค. – พรรครัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมแก้กฎหมายสื่อเพื่อควบคุมข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ โดยให้อำนาจศาลมีอำนาจตัดสินจากความเสียหายที่รุนแรงขึ้น แต่พรรคฝ่ายค้านแย้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการปิดกั้นไม่ให้นักข่าวขุดคุ้ยการทำผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพล พรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุในแถลงการณ์ว่า การรายงานที่ผิดพลาดของสื่อมวลชนทำให้เกิดความเสียหายและผลกระทบเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังทำให้เกิดอันตรายที่แก้ไขไม่ได้ต่อบุคคล บทลงโทษดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพิ่มโทษความผิดสำหรับรายงานข่าวปลอมหรือมุ่งร้าย รวมถึงลดความเสียหายทางวัตถุและอารมณ์ อย่างไรก็ดี การกระทำดังกล่าวตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ที่นำโดยพรรคพลังปวงชน (People Power Party) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ โฆษกหญิงของพรรคกล่าวว่า การแก้กฎหมายสื่อถือเป็นการปิดกั้นและขัดขวางไม่ให้สื่อมวลชนรายงานข่าวเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายและเรื่องอื้อฉาวของกลุ่มผู้มีอำนาจ เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมข่าวเฟื่องฟูและได้รับการจัดอันดับค่อนข้างดีในดัชนีเสรีภาพสื่อของเวิลด์ เพรส อินเดกซ์ โดยอยู่ในอันดับที่ 42 จากทั้งหมด 180 ประเทศ แต่กลับต้องรับมือกับการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายสื่อดังกล่าวจะทำให้ศาลตัดสินเรียกค่าเสียหายที่สูงกว่ากฎหมายที่ใช้ในอยู่ปัจจุบันถึง 5 เท่าในคดีเกี่ยวกับการเผยแพร่รายงานเท็จหรือข่าวปลอมที่ได้รับการวินิจฉัยว่าละเมิดสิทธิของโจทก์ หรือทำให้เกิดความเครียดทางอารมณ์.-สำนักข่าวไทย

คนร้ายฉีดสเปรย์น้ำกรดในกรุงโตเกียว-บาดเจ็บ 2 ราย

โตเกียว 25 ส.ค. – เกิดเหตุคนร้ายฉีดสเปรย์น้ำกรดใส่ประชาชนที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแผลไหม้ 2 ราย ตำรวจญี่ปุ่นและสื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นเผยวันนี้ว่า มีคนร้ายฉีดสเปรย์น้ำกรดใส่ประชาชนที่สถานีรถไฟใต้ดินชิโรกาเนะ ทากานาวะในกรุงโตเกียวเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังจัดพิธีเปิดการแข่งขันพาราลิมปิกในกรุงโตเกียวภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด โฆษกสำนักงานตำรวจของญี่ปุ่นระบุว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งเป็นนักธุรกิจชายวัย 22 ปี และมีแผลไหม้บนใบหน้าหลังถูกคนร้ายฉีดสเปรย์ของเหลวใส่ในขณะที่อยู่บนบันไดเลื่อน ขณะที่บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานว่า ชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บจากแผลไหม้รุนแรงหลังถูกฉีดสเปรย์ของเหลวที่เป็นกรดกำมะถันใส่หน้า ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นหญิงวัย 34 ปีที่หกล้มและมีแผลไหม้เล็กน้อยจากน้ำกรดบนขา ทั้งนี้ ตำรวจญี่ปุ่นคาดว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายวัยกลางคนที่หลบหนีไปได้หลังก่อเหตุ และตำรวจกำลังเร่งออกลาดตระเวนเพื่อตามจับคนร้าย สื่อของญี่ปุ่นระบุว่า อาชญากรรมรุนแรงไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเข้มงวด แม้เคยเกิดเหตุโจมตีด้วยอาวุธอื่น ๆ เป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 คนในช่วงที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกในเดือนสิงหาคม ในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง 1 คนจากเหตุใช้มีดแทงกันในรถไฟที่กรุงโตเกียว ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ระดมกำลังตำรวจราว 60,000 นายเพื่อรักษาความปลอดภัยในระหว่างที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิก.-สำนักข่าวไทย

“แฮร์ริส” หนุนเวียดนามตอบโต้อิทธิพลจีนในทะเลจีนใต้

นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เข้าพบบรรดาผู้นำระดับสูงของเวียดนามในวันนี้ และประกาศให้การสนับสนุนในหลายด้านที่สำคัญ เช่น การยกระดับความมั่นคงทางทะเลเพื่อตอบโต้อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในทะเลจีนใต้

รพ. ในนครซิดนีย์เผชิญภาวะตึงตัวหลังยอดป่วยโควิดพุ่งสูง

ซิดนีย์ 25 ส.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียพบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 919 คน ทำสถิติผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุด ซึ่งทำให้ระบบสาธารณสุขต้องเผชิญกับภาวะตึงตัว รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 919 คน ทำสถิติผู้ป่วยรายวันสูงสุด แม้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อ 113 คนที่ต้องเข้ารักษาตัวในหอผู้ป่วยหนัก และมีผู้ป่วยติดเชื้อ 98 คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ขณะที่นางแคร์รี แชนต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวผ่านโทรทัศน์ว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดมีความสำคัญ ทางการต้องเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มโดยเร็ว ส.ส. รัฐนิวเซาท์เวลส์คนหนึ่งระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า โรงพยาบาลเวสต์มีด ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในย่านชานเมืองทางตะวันตกของนครซิดนีย์ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดรุนแรง ต้องลดจำนวนรถพยาบาลที่รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักไปยังโรงพยาบาลอื่นแทน ส่วนนายแบรด ฮาซซาร์ด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ยอมรับว่าระบบสาธารณสุขของรัฐกำลังเผชิญกับภาวะตึงตัว แต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่จัดการได้ ในขณะเดียวกัน รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 45 คน ลดลงจากวันก่อนที่มี 50 คน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามเร่งการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน โดยอนุญาตให้ผู้ที่มีอายุ […]

สื่อจีนว่า “แฮร์ริส” พยายามทำให้เอเชียแตกแยกกัน

เซี่ยงไฮ้/ฮานอย 25 ส.ค. – สื่อของทางการจีนกล่าวหานางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าพยายามผลักดันให้เกิดความแตกแยกระหว่างจีนกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการระบุว่ารัฐบาลจีนบีบบังคับและข่มขู่ให้ประเทศเหล่านั้นสนับสนุนการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ของจีน หนังสือพิมพ์ไชนา เดลี ของทางการจีนระบุในบทบรรณาธิการวันนี้ว่า ในขณะที่นางแฮร์ริสกล่าวหาจีนว่าบีบบังคับและข่มขู่ประเทศต่าง ๆ ให้สนับสนุนจีนในการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ เธอเองก็เพิกเฉยและเดินหน้าบีบบังคับและข่มขู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้าร่วมกับสหรัฐเพื่อควบคุมจีนเช่นกัน ทั้งยังระบุว่า คำปราศรัยของนางแฮร์ริสที่สิงคโปร์เป็นการกล่าวโจมตีจีนอย่างไร้เหตุผล และความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวของสหรัฐต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คือการทำให้เกิดความแตกแยกหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคดังกล่าว ในขณะเดียวกัน นางแฮร์ริสได้เดินทางถึงกรุงฮานอยของเวียดนามในวันนี้ โดยกล่าวว่า สหรัฐจำเป็นต้องเพิ่มแรงกดดันและท้าทายต่อการใช้กำลังบีบบังคับของจีนเหนือพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ ก่อนหน้านี้ นางแฮร์ริสได้เดินทางเยือนสิงคโปร์เป็นที่แรกในกำหนดการเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 7 วัน โดยมุ่งเป้าฟื้นฟูความสัมพันธ์ในทวีปเอเชียและต้านทานอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเผยวัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพลดเหลือร้อยละ 66

วอชิงตัน 25 ส.ค. – ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี เผยผลการศึกษาที่ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นามีประสิทธิภาพต้านโรคโควิดเหลือเพียงร้อยละ 66 ลดลงจากเดิมที่ร้อยละ 91 หลังเกิดการระบาดรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ซีดีซีได้ศึกษาข้อมูลของอัตราติดเชื้อโควิดในกลุ่มผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยพบว่าวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิดเหลือเพียงร้อยละ 66 ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนถึงวันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการระบาดรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐ ประสิทธิภาพดังกล่าวลดลงจากเดิมที่มีร้อยละ 91 ในช่วงวันที่ 14 ธันวาคม 2563-10 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นต้น ขณะที่ผลการศึกษาของซีดีซีในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่รัฐนิวยอร์กพบว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิดมีอัตราป้องกันอาการป่วยหนักสูงกว่าร้อยละ 90 ส่วนผลการศึกษาที่เมืองลอสแอนเจลิสในรัฐแคลิฟอร์เนียพบว่า วัคซีนโควิดมีอัตราป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงถึงร้อยละ 97 คณะผู้เขียนรายงานระบุว่า แม้ผลการศึกษาดังกล่าวชี้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิดมีประสิทธิภาพลดลงในระดับปานกลาง แต่ยังคงมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิดที่ร้อยละ 66 ซึ่งยังคงมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ซีดีซีได้ตรวจสอบประสิทธิภาพวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาโดยใช้ข้อมูลตามจริงนับตั้งแต่ที่วัคซีนทั้งสองขนานได้รับอนุมัติใช้ในกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฉุกเฉิน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยงใน 6 รัฐของสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

1 202 203 204 205 206 315