นิวซีแลนด์เลื่อนกำหนดเปิดพรมแดนเพราะกังวลโอไมครอน

เวลลิงตัน 21 ธ.ค.- นิวซีแลนด์เลื่อนแผนการทยอยเปิดพรมแดนจากกลางเดือนมกราคมไปเป็นสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยอ้างเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แพร่รวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลก นายคริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของนิวซีแลนด์แถลงข่าววันนี้ว่า แผนการให้ชาวนิวซีแลนด์ในออสเตรเลียเดินทางกลับประเทศโดยไม่ต้องกักโรคเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2565 จะถูกเลื่อนออกไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพราะหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันชี้ว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่สามารถแพร่ได้ง่ายที่สุดในขณะนี้ แน่นอนว่าการตัดสินใจเลื่อนการเปิดพรมแดนได้สร้างความผิดหวังและกระทบแผนการท่องเที่ยว แต่นิวซีแลนด์จำเป็นต้องประกาศการเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้เดินทางมีเวลาทบทวนแผนการเดินทาง นายฮิปกินส์ระบุด้วยว่า นิวซีแลนด์ออกมาตรการเป็นการป้องกันล่วงหน้า เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจะทำให้คนป่วยและจะมีผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขมากน้อยเพียงใด นอกจากเลื่อนกำหนดการเปิดพรมแดนแล้ว นิวซีแลนด์จะขยายเวลากักโรคจาก 7 วันเป็น 10 วัน และลดเวลาตรวจหาเชื้อก่อนออกเดินทางจาก 72 ชั่วโมง เป็น 48 ชั่วโมง นิวซีแลนด์ซึ่งใช้มาตรการจำกัดการระบาดเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเพิ่งเริ่มผ่อนคลายมาตการเมื่อไม่นานมานี้ เดิมกำหนดทยอยเปิดพรมแดนเป็น 3 ระยะ ระยะแรกให้ชาวนิวซีแลนด์ที่ฉีดวัคซีนครบโดสเดินทางมาจากออสเตรเลียได้ตั้งแต่เวลา 23:59 น.ของวันที่ 16 มกราคม 2565 ระยะที่ 2 ให้ชาวนิวซีแลนด์ที่ฉีดวัคซีนครบโดสเดินทางมาจากทุกประเทศได้ตั้งแต่เวลา 23:59 น.ของวันที่ 13 […]

ชี้ภาพผู้นำอังกฤษจิบไวน์ช่วงล็อกดาวน์ปีก่อนไม่ใช่งานเลี้ยง

ลอนดอน 20 ธ.ค. – นายโดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ระบุวันนี้ว่า ภาพถ่ายที่มีนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกหลายสิบคนนั่งดื่มไวน์บริเวณสวนภายในสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการล็อกดาวน์ปีก่อนไม่ใช่การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เป็นการรวมตัวกันเพื่อทำงาน หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษตีพิมพ์รูปภาพที่แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน วัย 57 ปี และนางแคร์รี จอห์นสัน ภริยา วัย 33 ปี ซึ่งกำลังอุ้มบุตรชายวัยแรกเกิด นั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลอื่นอีก 2 คนภายในสวนของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยที่บนโต๊ะมีขวดไวน์และชีสที่เป็นเครื่องเคียง ส่วนโต๊ะที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักมีผู้นั่งอยู่ 4 คน และมีอีกโต๊ะใกล้กันเป็นกลุ่มคนยืนถือแก้วไวน์ล้อมรอบโต๊ะที่มีขวดไวน์วางอยู่ นายโดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยผ่านสถานีวิทยุไทมส์ เรดิโอ ของอังกฤษว่า สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษมักใช้สวนบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ประชุมเรื่องการทำงาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดแต่อย่างใด และเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะถูกจัดว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ทั้งยังระบุว่า ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นวันที่รัฐบาลอังกฤษเพิ่งเสร็จจากการจัดงานแถลงข่าว และเจ้าหน้าที่รัฐบาลก็จะนั่งดื่มเครื่องดื่มหลังเสร็จงานที่สวนเป็นครั้งคราว ซึ่งเขามองว่าเป็นการรวมตัวกันเพื่อทำงานมากกว่า อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้ทำให้นายกรัฐมนตรีจอห์นสันถูกตรวจสอบอย่างหนักหลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษจัดงานเลี้ยงหลายครั้งในช่วงที่อังกฤษประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนรวมตัวกัน นอกจากนี้ ผู้นำอังกฤษยังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนับตั้งแต่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษกำลังหัวเราะขบขันที่งานเลี้ยงของสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีก่อนที่อังกฤษกำลังใช้มาตรการล็อกดาวน์และสั่งห้ามจัดงานเลี้ยงสังสรรค์.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษมีคนตายเพราะโอไมครอนแล้ว 12 คน

ลอนดอน 20 ธ.ค.- นายโดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยว่า อังกฤษมีผู้เสียชีวิตเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 12 คน แต่ไม่ยอมตอบว่ารัฐบาลจะเข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมก่อนคริสต์มาสหรือไม่ นายราบเผยกับสถานีวิทยุไทมส์เรดิโอในวันนี้ว่า นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ 104 คน ต่อข้อถามเรื่องรัฐบาลจะออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นกว่าเดิมในช่วงก่อนคริสต์มาสหรือไม่ นายราบตอบว่า ไม่สามารถรับประกันได้อย่างหนักแน่นและทันที เพราะรัฐบาลประเมินสถานการณ์โดยอาศัยข้อมูลจริงเป็นหลัก และต้องใช้เวลาในการประเมินเรื่องความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ทางการอังกฤษเคยเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ยอดผู้เข้าโรงพยาบาลอาจแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ และยังไม่เห็นผลกระทบเต็มตัวของการระบาดระลอกล่าสุด รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาตรการจำกัดการรวมกลุ่มช่วงคริสต์มาสอาจส่งผลเสียทางการเมืองต่อนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่กำลังถูกสังคมตั้งคำถามว่า เขาและเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์เมื่อปีก่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การระบาดรุนแรง นอกจากนี้การออกมาตรการเข้มงวด เช่น สั่งให้คนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ รัฐบาลจะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านด้วย.-สำนักข่าวไทย

คลัสเตอร์โควิดฐานทัพอเมริกันในญี่ปุ่นขยายวงเป็น 180 คน

โตเกียว 20 ธ.ค.- ญี่ปุ่นแจ้งว่า การติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โยงกับฐานทัพอเมริกันบนเกาะโอกินาวา มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 180 คนแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจำนวนเท่าใด เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเผยว่า คนงานชาวญี่ปุ่นที่ค่ายแฮนเซน บนเกาะโอกินาวา ทางใต้ของประเทศ มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นบวกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มที่เป็นทั้งคนงานญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่อเมริกัน ล่าสุดนายฮิโรกาสึ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแถลงวันนี้ว่า คลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับค่ายดังกล่าวเพิ่มจำนวนเป็น 180 คนแล้ว แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่ามีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจำนวนเท่าใด รัฐบาลขอย้ำอีกครั้งให้สหรัฐสร้างความมั่นใจว่า คนงานที่ฐานทัพในญี่ปุ่นทุกคนปฏิบัติตามคำสั่ง และขอให้ดำเนินมาตรการเด็ดขาดหากมีการฝ่าฝืน ผู้ว่าราชการจังหวัดโอกินาวาแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกำลังสอบสวนการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน และได้ขอให้กองทัพสหรัฐตรวจสอบทางพันธุกรรมเพื่อยืนยันว่าเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์นี้หรือไม่ ญี่ปุ่นมียอดติดเชื้อโควิดสะสมมากกว่า 1 ล้าน 7 แสน 3 หมื่นคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 18,300 คน ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง แต่ความกังวลเรื่องสายพันธุ์โอไมครอนทำให้ญี่ปุ่นเข้มงวดพรมแดนและรับปากจะเร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน.-สำนักข่าวไทย

เผยมือเผาคลินิกในโอซากาซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่ พ.ย.

โตเกียว 20 ธ.ค. – ตำรวจญี่ปุ่นเผยวันนี้ว่า ชายญี่ปุ่น วัย 61 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางเพลิงคลินิกบนชั้นสี่ของอาคารในนครโอซากาของญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ก่อน ไปซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง 10 ลิตรที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาใช้น้ำมันดังกล่าวจุดไฟเผาคลินิกหรือไม่ ตำรวจนครโอซาการะบุว่า ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดของคลินิกจิตเวชในนครโอซากา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าเพลิงไหม้เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์ หลังผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวถือถุงบรรจุของเหลวติดไฟเข้าไปในคลินิกและก่อเหตุวางเพลิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน ซึ่งรวมถึงผู้ต้องสงสัยที่เป็นมือวางเพลิงด้วย ตำรวจยังระบุว่า พบคราบน้ำมันเชื้อเพลิงในที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังวิเคราะห์ของเหลวติดไฟดังกล่าวเป็นเชื้อเพลิงชนิดใด ขณะนี้ ตำรวจสามารถระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตได้ 14 รายจากทั้งหมด 24 รายที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งรวมถึงนายโคทาโร นิชิซาวะ เจ้าของคลินิกจิตเวชดังกล่าว. -สำนักข่าวไทย

อิสราเอลขึ้นบัญชีสหรัฐ-แคนาดาเป็นประเทศห้ามเดินทางไป

เยรูซาเล็ม 20 ธ.ค.- คณะรัฐมนตรีอิสราเอลมีมติอนุมัติให้ขึ้นบัญชีสหรัฐและแคนาดาไว้ในรายชื่อประเทศสีแดงที่ห้ามเดินทางไป เพราะกังวลเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน สำนักนายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ออกแถลงการณ์วันนี้ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการห้ามพลเมืองอิสราเอลเดินทางไปสหรัฐและแคนาดาตั้งแต่เวลา 22:00 น.วันอังคารที่ 21 ธันวาคมตามเวลามาตรฐานสากล ผู้ที่ต้องการเดินทางไปต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่จะถูกขึ้นบัญชีโดยให้มีผลตั้งแต่วันพุธ ประกอบด้วย อิตาลี เบลเยียม เยอรมนี ฮังการี โมร็อกโก โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์และตุรกี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเสนอเมื่อวันก่อน อิสราเอลห้ามพลเมืองเดินทางไปประเทศสีแดง ยกเว้นได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากคณะกรรมการยกเว้นของรัฐบาล และหากได้รับอนุญาต เมื่อกลับมาถึงอิสราเอลแล้วจะต้องกักโรคอย่างน้อย 7 วัน แม้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม โดยในวันแรกต้องกักโรคในโรงแรมกักโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ จนกว่าจะทราบผลตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ในวันที่เดินทางกลับมาถึง หากพิจารณาแล้วว่ายังไม่ปลอดภัยจะต้องกักโรคในโรงแรมตลอดทั้ง 7 วัน จนถึงขณะนี้มีประเทศที่ถูกอิสราเอลขึ้นบัญชีแล้วมากกว่า 50 ประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส สวีเดน สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก แอฟริกาใต้ และหลายประเทศในทวีปแอฟริกา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เยรูซาเล็มโพสต์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลแจ้งว่า […]

รมว.ต่างประเทศจีนเผยไม่กลัวเผชิญหน้าสหรัฐ

ปักกิ่ง 20 ธ.ค. – นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ระบุวันนี้ว่า จีนไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสหรัฐ แต่พร้อมยินดีให้ความร่วมมือหากทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกัน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน เผยผ่านเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศจีนว่า ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนเกิดขึ้นจากการตัดสินใจผิดพลาดในเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐ จีนไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสหรัฐ หากจำเป็นต้องทำเช่นนั้น และจีนจะสู้ให้ถึงที่สุด ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า การแข่งขันไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่ควรเป็นไปในเชิงบวก สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนอยู่ในระดับตกต่ำ เนื่องจากปัญหาขัดแย้งต่าง ๆ เช่น ที่มาของโรคโควิด-19 สงครามการค้า ปัญหาสิทธิมนุษยชน และประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน ทั้งนี้ในการประชุมสุดยอดแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้กดดันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน ส่วนประธานาธิบดีสีเตือนว่า จีนจะโต้ตอบต่อการกระทำที่ยั่วยุเกี่ยวกับไต้หวัน ล่าสุดสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายยกเลิกสินค้านำเข้าจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตดังกล่าว ขณะที่จีนระบุว่า ข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงอุยกูร์นั้นไม่เป็นความจริง. -สำนักข่าวไทย

ชาวเกาหลีใต้ 7 ใน 10 หนุนเข้มงวดระยะห่างสกัดโควิด

โซล 20 ธ.ค.- ผลสำรวจความเห็นชาวเกาหลีใต้พบว่า ผู้ตอบร้อยละ 70 สนับสนุนให้เข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อยับยั้งยอดผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ไม่ให้เพิ่มขึ้น เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า กลุ่มภาคประชาสังคมหลายกลุ่มได้สอบถามความเห็นผู้ใหญ่ชาวเกาหลีใต้ทั่วประเทศจำนวน 1,000 คนระหว่างวันที่ 14-18 ธันวาคม พบว่า ร้อยละ 71.3 สนับสนุนการที่รัฐบาลตัดสินใจระงับนโยบาย “มีชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด” เป็นเวลา 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา และนำมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดกลับมาใช้อีกครั้ง ด้วยการจำกัดการรวมกลุ่มไม่ให้เกิน 4 คน และห้ามร้านอาหารรวมทั้งร้านกาแฟเปิดเกิน 21:00 น. อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจลักษณะเดียวกันเมื่อเดือนเมษายนปีนี้พบว่า ผู้ตอบมากถึงร้อยละ 94.5 เห็นว่า ต้องเข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตัวเลขสนับสนุนที่ลดลงสะท้อนว่า ประชาชนเริ่มเหนื่อยล้ากับสถานการณ์การระบาดที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปีแล้ว.-สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมครั้งใหญ่รอบ 100 ปีของมาเลเซีย เสียชีวิต 5 ราย

กัวลาลัมเปอร์ 20 ธ.ค. – เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปีของมาเลเซียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายในรัฐสลังงอร์และรัฐปะหังของมาเลเซีย และมีผู้สูญหาย 8 คน ตำรวจของนครชาห์อาลัม ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐสลังงอร์ เผยวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม 3 รายที่นครชาห์อาลัม ขณะที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย หรือเบอร์นามา รายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 1 รายที่นครกวนตันในรัฐปะหัง และอีก 1 รายที่เมืองกัมปุงเจมปากาของรัฐสลังงอร์ นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหายอีก 8 คนในรัฐปะหัง โดยคาดว่าทั้งหมดถูกกระแสน้ำพัดหาย สำนักข่าวเบอร์นามารายงานอ้างคำพูดของเลขาธิการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและน้ำของมาเลเซียว่า ปกติกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียมีปริมาณน้ำฝนต่อปีที่ 2,400 มม. แต่ปริมาณน้ำฝนเมื่อวันศุกร์วันเดียวกลับสูงกว่าค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนต่อเดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินคาดหมายและมักเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบ 100 ปี นอกจากนี้ เหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ยังทำให้ประชาชนกว่า 41,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว และมีหลายคนที่ติดอยู่ในรถยนต์และที่อยู่อาศัย ขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของมาเลเซียระบุว่า มี 7 รัฐ และ 1 ดินแดนที่รัฐบาลกลางปกครองโดยตรงที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ ได้แก่ รัฐกลันตัน […]

เมียนมาเลื่อนตัดสินคดีวิทยุสื่อสารของซู จีไปอีกสัปดาห์

เนปิดอว์ 20 ธ.ค.- แหล่งข่าวเผยว่า ศาลเมียนมาได้เลื่อนการตัดสินคดีนางออง ซาน ซู จี ในข้อหาครอบครองวิทยุสื่อสารไม่ได้ขึ้นทะเบียนและข้อหาครอบครองชุดอุปกรณ์รบกวนสัญญาณ ออกไปอีก 1 สัปดาห์เป็นวันที่ 27 ธันวาคม แหล่งข่าวเผยว่า ศาลมีกำหนดตัดสินคดีดังกล่าวในวันนี้ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และ 1 ปี ตามลำดับ แต่ได้เลื่อนออกไปโดยไม่ได้ให้เหตุผล นางซู จี วัย 76 ปี ถูกควบคุมตัวตั้งแต่กองทัพรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นไม่นานตำรวจแถลงว่า พบวิทยุสื่อสารในบ้านพักของเธอ เป็นของนำเข้าโดยผิดกฎหมายและนำมาใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต นางซู จีเพิ่งถูกตัดสินเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมให้รับโทษจำคุก 4 ปีข้อหายุยงและฝ่าฝืนระเบียบเรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  หรือโควิด-19 แต่ได้รับการลดหย่อนโทษเป็นควบคุมตัว 2 ปีในสถานที่ลับที่เธอถูกควบคุมตัวอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังถูกตั้งข้อหาอื่น ๆ อีกมากกว่าสิบข้อหา มีโทษจำคุกสูงสุดรวมกันไม่ต่ำกว่า 100 ปี เธอให้การปฏิเสธทุกข้อหา กลุ่มสนับสนุนเธอมองว่า เป็นข้อหาไร้มูลที่ต้องการปิดฉากชีวิตการเมือง […]

เด็กออสเตรเลียตายรายที่หกจากเหตุปราสาทเป่าลมถูกพัด

แทสเมเนีย 20 ธ.ค.-เหตุเด็กตกจากปราสาทเป่าลมที่ถูกลมแรงพัดลอยขึ้นอากาศเมื่อสัปดาห์ก่อนในรัฐแทสเมเนียของออสเตรเลีย ทำให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่หก บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานวันนี้ว่า เชส แฮร์ริสัน เด็กนักเรียนชาย วัย 11 ปี ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลโฮบาร์ตในรัฐแทสเมเนียเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากเขาและเพื่อนวัยเดียวกันอีก 8 คนตกจากปราสาทเป่าลมที่ถูกลมแรงพัดลอยสูงขึ้นไป 10 เมตรเมื่อวันพฤหัสบดี ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเดวอนพอร์ตของรัฐแทสเมเนีย ขณะที่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองปิดภาคการศึกษา แฮร์ริสันกลายเป็นผู้เสียชีวิตรายที่หกต่อจากเด็กอีก 5 รายที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว ได้แก่ แอดดิสัน สจ๊วต วัย 11 ปี, เซน เมลเลอร์, จาย ชีฮาน, จาไลลาห์ เจย์น-มารี โจนส์, และปีเตอร์ ดอดต์ ทั้งหมดวัย 12 ปี ขณะนี้ยังมีเด็กอีก 2 คนที่มีอาการบาดเจ็บสาหัส และมีเด็ก 1 คนที่หายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว บีบีซีรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ส่วนตำรวจออสเตรเลียระบุว่า กำลังสืบสวนว่าปราสาทเป่าลมถูกยึดไว้บนพื้นดินหรือไม่ ตำรวจต้องการใช้เวลาสืบสวนอย่างละเอียดรอบคอบ แต่เข้าใจดีว่าประชาชนต้องการคำตอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว นอกจากนี้ […]

มหาเศรษฐีญี่ปุ่นกลับจากท่องอวกาศนาน 12 วันแล้ว

เชซกาสกัน 20 ธ.ค.- นายยูซากุ มาเอะซาวะ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นเดินทางกลับถึงโลกแล้วในวันนี้ หลังจากท่องอวกาศนาน 12 วัน และเตรียมจะเดินทางไปท่องดวงจันทร์กับสเปซเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์ในปี 2566 ยานอวกาศโซยุซของรัสเซียนำนายมาเอะซาวะ เจ้าของธุรกิจแฟชันและนักสะสมงานศิลป์ วัย 46 ปี ลงแตะพื้นโลกท่ามกลางหิมะตกหนักอุณหภูมิติดลบที่ฐานลงจอด ห่างจากเมืองเชซกาสกัน ทางตอนกลางของคาซัคสถาน ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 150 กิโลเมตรในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ยานลำนี้นำเขาขึ้นสู่อวกาศพร้อมกับผู้ช่วยชาวญี่ปุ่นและนักบินอวกาศชาวรัสเซีย จากไบโคนูร์คอสโมโดรมในคาซัคสถานเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายมาเอะซาวะโพสต์ภาพถ่ายขณะท่องอวกาศให้แก่ผู้ติดตามทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ เช่น ภาพชงชาในสภาวะไร้น้ำหนัก นายมาเอะซาวะเตรียมตัวเป็นผู้โดยสารเอกชนคนแรกในทริปท่องดวงจันทร์ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2566 และกำลังหาผู้ร่วมเดินทาง 8 คน ที่ต้องผ่านการตรวจร่างกายและการสัมภาษณ์.-สำนักข่าวไทย

1 146 147 148 149 150 315