ดาร์วิน 2 ส.ค.- ผู้โดยสารเครื่องบินคนหนึ่งที่เดินทางจากอินโดนีเซียไปยังออสเตรเลีย ถูกทางการปรับหนัก โทษฐานฝ่าฝืนระเบียบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เคร่งครัด เนื่องจากไม่สำแดงเรื่องนำอาหารเช้าของร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังที่มีเนื้อวัวเป็นส่วนผสมเมื่อเดินทางเข้าออสเตรเลีย
ผู้โดยสารรายนี้เดินทางมาจากบาหลี ถูกปรับเงิน 2,664 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 66,800 บาท) ซึ่งเป็นโทษปรับสูงสุด หลังจากเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานดาร์วินในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีพบอาหารเช้าที่ประกอบด้วย ขนมปังมัฟฟิน ไข่ และเนื้อวัวบด 2 ชุด ในกระเป๋าสัมภาระ เหตุเกิดเมื่อสัปดาห์ก่อน และเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากออสเตรเลียบังคับใช้ระเบียบความปลอดภัยชีวภาพแบบใหม่ เนื่องจากสถานการณ์โรคปากเท้าเปื่อยระบาดในอินโดนีเซียลามไปยังเกาะบาหลี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมชาวออสเตรเลีย
กระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ของออสเตรเลีย แถลงว่า สุนัขตรวจความปลอดภัยทางชีวภาพชื่อ ซินตา ตรวจพบผลิตภัณฑ์เสี่ยงที่ไม่มีการสำแดงหลายชนิดในกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารรายนี้ โดยมีอาหารฟาสต์ฟู้ดรวมอยู่ด้วย ทำให้ต้องเสียค่าปรับที่แพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินไปบาหลีถึง 2 เท่า และคงเป็นอาหารเช้าราคาแพงที่สุดเท่าที่ผู้โดยสารรายนี้เคยรับประทานมา โทษฐานที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เคร่งครัดของออสเตรเลีย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ถูกยึดจะถูกกตรวจหาเชื้อโรคปากเท่าเปื่อยก่อนถูกนำไปทำลาย กระทรวงได้ออกประกาศตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมว่า ผู้เดินทางมาจากอินโดนีเซียจะถูกตรวจตราความปลอดภัยทางชีวภาพเคร่งครัดมากเป็นพิเศษ ผู้ไม่สำแดงความเสี่ยงจะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ มีโทษปรับสูงสุด 2,664 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 66,800 บาท) และหากเดินทางมาด้วยวีซ่าชั่วคราวอาจถูกเพิกถอนวีซ่า และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออสเตรเลีย.-สำนักข่าวไทย