กรมการแพทย์แนะทำความรู้จัก “โรคลืมใบหน้า”

กรุงเทพฯ 13 ก.ค. – กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผยภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้ (Prosopagnosia) เป็นภาวะบกพร่องของสมองในการรับรู้และประมวลผล สูญเสียการจดจำใบหน้าอย่างสมบูรณ์


นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สมองเป็นอวัยวะที่มีสมรรถภาพหลากหลาย โดยเฉพาะด้านการรับสัมผัสสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูป เสียง กลิ่น รส และการรับรู้ นอกจากนั้นสมองยังมีหน้าที่ในการประมวลผลเพื่อแปลสิ่งที่สัมผัสให้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากเกิดรอยโรคที่ทำให้เสียการทำงานของสมอง นอกจากเราอาจจะเสียความสามารถในการรับรู้สิ่งต่างๆ เช่น การมองเห็นแล้ว เราอาจจะสูญเสียความสามารถในการรับรู้สิ่งที่ซับซ้อนเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น เสียการรับรู้สี เสียการรับรู้ทิศทางรอบตัว หรือแม้กระทั่งเสียการรับรู้หรือจดจำใบหน้าคนไม่ได้

ภาวะเสียการรับรู้หรือจดจำใบหน้าคนไม่ได้ เป็นภาวะที่ผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านการรับรู้หรือจดจำใบหน้าผู้คน ผู้ที่ป่วยเป็นภาวะนี้อาจเกิดจากการเสียหายของสมองได้สองส่วน คือ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ภาพใบหน้าผู้คนโดยตรง หรือสมองส่วนที่เป็นคลังความจำภาพใบหน้าที่เคยเห็นมาในอดีต โดยสมองทั้งสองส่วนจะทำงานโดดเด่นในสมองซีกขวาในคนส่วนใหญ่ที่ถนัดขวา (แตกต่างจากการใช้ภาษาที่อยู่ซีกซ้าย) ทำให้เมื่อเกิดการบาดเจ็บใดๆ ในสมองซีกขวา ไม่ว่าจะเป็นการเกิดหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก การติดเชื้อ การอักเสบจากภาวะแพ้ภูมิตนเอง เนื้องอกสมอง อุบัติเหตุทางสมอง หรือแม้กระทั่งสมองเสื่อมบางชนิด ก็มีโอกาสทำให้เกิดภาวะนี้ได้ทั้งสิ้น


นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้ แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.ภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้ที่เป็นมาแต่กำเนิด ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการตั้งแต่เด็ก ทำให้จดจำใบหน้าคนได้ล่าช้า แต่พัฒนาการส่วนอื่นมักจะปกติ และ 2.ภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้ที่เป็นภายหลัง ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บของสมองที่มักเป็นซีกขวา เกิดในวัยผู้ใหญ่ อาการหลักคือ ผู้ป่วยจะจดจำใบหน้าคนไม่ได้ แม้เป็นคนที่ผู้ป่วยรู้จักมักคุ้นมาก่อน เช่น ญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด โดยมักจะยังจำเกี่ยวกับตัวตนบุคคลนั้นได้โดยการเล่าจากลักษณะต่างๆ ให้ฟัง หรืออาจคาดเดาจากเสียง ท่าเดิน หรือลักษณะการแต่งตัวได้ หากสงสัยว่ามีคนใกล้ชิดมีภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้ หรือมีความผิดปกติด้านการมองเห็นอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อประเมินอาการ ตรวจวัดระดับสายตา ลานสายตา ตรวจวัดการมองเห็น ทำแบบทดสอบสมรรถภาพสมอง และตรวจภาพถ่ายรังสีสมอง เพื่อวินิจฉัยสาเหตุ และอาจพิจารณาส่งปรึกษาแพทย์ประสาทวิทยาเพื่อให้การประเมินเพิ่มเติม

สำหรับการรักษาจะเน้นการรักษาตามสาเหตุเป็นหลัก เช่น การผ่าตัดเลือดออกในสมองหรือเนื้องอก การให้ยาต้านอักเสบหรือฆ่าเชื้อ ในกรณีเกิดจากสาเหตุแต่กำเนิดหรือสมองเสื่อม จะเน้นรักษาตามอาการโดยการฝึกจดจำใบหน้าโดยนักกิจกรรมบำบัด เป็นต้น


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง