รัฐสภา 8 ก.ค.- “สาธิต” แจงสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด ยอดติดเชื้อโควิดรายวัน 3 หมื่นคน แต่การรายงานตัวเลขให้เหมาะกับสถานการณ์ ระบุสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 อาการไม่รุนแรง จ่อรณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่ม หลังพบคนไม่อยากฉีด เพราะฉีดแล้วยังติดโควิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (8 ก.ค.) นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพฯ ถามนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ระลอก 5
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับว่าทิศทางการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น แต่จะมีตัวเลขเท่าไรนั้น สาธารณสุขมีตัวเลข แต่การรายงานข้อมูลนั้นเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยตัวเลขจากการรายงานของกรมควบคุมโรค ที่บันทึกในรายการผู้ที่ติดเชื้อและรักษาตัวที่บ้าน รวมถึงการรักษาที่หน่วยบริการสถานพยาบาล แบบเจอ แจก จบ ภาพรวมการติดเชื้อ อยู่ที่ 2.7 แสนคน ส่วนข้อมูลรายวัน ตามที่ตรวจสอบกับ สปสช. ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม คือ จำนวน 1 หมื่นคน ดังนั้น เมื่อประมาณจากลงทะเบียน คาดว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อวันละ 3 หมื่นคน
“พัฒนาการกลายพันธ์ของไวรัส BA.4 และ BA.5 พบว่ามีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่ม 30% ไทยก็เพิ่ม แต่จากการจับตามอง พบว่า การติดเชื้อดังกล่าวไม่มีอาการรุนแรงที่มีนัยสำคัญ ดูได้จากผู้ป่วยที่ใส่ท่อหายใจ มีประมาณ 327 ราย ไม่เพิ่มขึ้น และไม่ป่วยรุนแรง สำหรับอัตราครองเตียงมีพื้นที่รองรับได้ ไม่มีอาการรุนแรง ไปกินสมุนไพรไทย หรือจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ หรือจ่ายยาตามโรคประจำตัว ดังนั้น การสู้ตามสถานการณ์ของโควิด BA.4 และ BA.5 ทำให้การผ่อนคลาย ต้องควบคู่กับการรักษาศักยภาพและการผ่อนคลายเศรษฐกิจ“ นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวด้วยว่า อัตราของผู้ติดเชื้อจากการติดเชื้อจากต่างประเทศมีไม่มากเท่ากับคนไทยติดเอง ดังนั้น จึงรณรงรค์ต่อมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด นอกจากนั้นยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นด้วย ทั้งนี้ ยอมรับว่า คนที่ฉีดวัคซีนครบจำนวนแต่ติดโควิดทำให้คนไม่อยากไปฉีด
“การฉีดวัคซีนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่ต้องป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิต ใช้สถานการณ์ติดเชื้อมากให้ฉีดเข็มกระตุ้นมากที่สุด โดยเข็ม 3 ทำได้ตามเป้าหมาย 60% ขณะนี้ต้องรณรงค์การฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ปัจจุบัน วัคซีนมีเพียงพอ แต่มีคนต้องการฉีดน้อยลง ส่วนการจ่ายยาผู้ติดโควิดขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ ฟาวิพิราเวียร์ไม่ใช่ยารักษาโควิด หลายประเทศใช้ไม่ได้ผล แต่ของไทยใช้ได้ผล ข้อมูลของญาติสุทิน คลังแสง รับบริการที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ตั้งครรภ์ 10 สัปดาห์ วินิจฉัยให้ยาตามอาการ ทั้งนี้ ผู้ตั้งครรภ์การจ่ายยามีความละเอียดอ่อน” นายสาธิต กล่าวชี้แจง.- สำนักข่าวไทย