รัฐสภา 29 ต.ค.-ประธานวิปฝ่ายค้าน วอนสภาฯ โหวตร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางรางฉบับ “นายสุรเชษฐ์” เป็นร่างหลัก ชี้เป็นร่างที่ผ่านการศึกษาของ สส.มาแล้ว ตะโกนถามร่างเพื่อไทย “ใครหยิบใส่มือมา” พบเนื้อหาเอื้อประโยชน์เอกชนคู่สัมปทาน
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒสกุล สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุม ว่าจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง และจะมีการโหวตใช้ร่างหลักในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการ ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นชอบใช้ร่างของคณะรัฐมนตรีเป็นร่างหลัก
พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงร่างของพรรคเพื่อไทยที่มีการเสนอว่ามีการตัดทอนเนื้อหาที่สำคัญหลายมาตรารวมถึงมีการยัดไส้หลายมาตรา โดยเฉพาะเนื้อหาที่มีการเปลี่ยนแปลงเอื้อให้เอกชนที่เป็นคู่สัมปทานของรัฐ เช่นการลดการคุ้มครองผู้โดยสารใช้บริการระบบทางราง ให้เอกชนไม่ต้องชดเชยในกรณีที่ล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวรถ และยังมีการลดอำนาจการตรวจสอบของรัฐที่จะไปตรวจสอบคู่สัมปทานของรัฐ เปิดช่องให้เอกชนถือกรรมสิทธิ์ของราง ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่จะต้องเป็นของรัฐ
“มีหลายมาตราและหลายส่วนที่ชวนให้สงสัยว่าใครกันแน่ที่ยัดไส้ร่างนี้มาใส่มือพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยกล้าเสนอในนามพรรคตัวเองและการเสนอในวิปรัฐบาล ให้ร่างนี้เป็นร่างหลักเพื่อที่จะเอื้อเอกชนในอนาคตและลดการคุ้มครองประชาชน ลดผลประโยชน์ของประชาชนและผลประโยชน์ของรัฐในอนาคต” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ร่างกฏหมายที่นายสุรเชษฐ์ ปวีณวงษ์วุฒิ สส. พรรคประชาชนเป็นผู้เสนอ เป็นร่างกฎหมายที่กรรมาธิการสภาฯชุดก่อนได้พิจารณาและยกร่างมาแล้ว มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หากเริ่มจากร่างที่มีการทำงานพูดคุยของผู้แทนประชาชนมาแล้ว เชื่อว่าการทำงานจะรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม เพราะเป็นร่างที่ผ่านการพูดคุยมาแล้ว แต่ร่างของคณะรัฐมนตรีไม่มีเป็นการนำร่างในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยื่นเสนอเข้ามาโดยเสนอแนะให้สภาผู้แทนราษฎรโหวตร่างของนายสุรเชษฐ์ เป็นร่างหลักในการพิจารณาตรากฎหมาย
“ต้องถามพรรคเพื่อไทยว่าใครเสนอร่างนี้มากันแน่ ใครเป็นคนเสนอร่างนี้มา ต้องเป็น สส. ช่วยกันพิจารณา ช่วยกันดูแต่ไม่แน่ใจว่า สส. ไปรับคำแนะนำจากใครมาว่าควรตัดมาตราไหนหรือควรจะเพิ่มมาตราไหนบ้าง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ทางกรมขนส่งทางรางได้ทำตารางเปรียบเทียบของร่างกฎหมายทั้ง3 ฉบับ ว่ามีมาตราไหนที่หายไปหรือมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ขณะเดียวกันในสุรเชษฐก็ได้มีการวิเคราะห์ว่าหากมีการตัดเนื้อหาบางส่วนไปในทางปฏิบัติข้อเท็จจริงจะส่งผลอย่างไรบ้าง และพบว่ามีความผิดปกติเยอะพอสมควร.-315.-สำนักข่าวไทย
