ตาก 30 มิ.ย. – การสู้รบของกะเหรี่ยงเคเอ็นยูกับทหารเมียนมา เข้าสู่วันที่ 5 ยังรบกันดุเดือด ทหารเมียนมาใช้เครื่องบินรบบินทิ้งระเบิดทุกชั่วโมง หลังถูกตีฐานแตก ส่วนผู้อพยพจากเมียนมาหนีตายเข้าไทยแล้ว 307 คน
เมื่อเวลา 08.30 น. สถานการณ์การสู้รบวันที่ 5 เพื่อแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา หลังการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู กับทหารเมียนมา ในเขตอำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเครื่องบินรบของกองทัพเมียนมา 2 ลำ บินเข้าไปทิ้งระเบิดหลายลูกในพื้นที่แนวปะทะรอบฐานบ้านอูเกรทะ และมีการยิงปะทะภาคพื้นดินระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายที่ต่างฝ่ายต่างเสริมกำลังประจันหน้ากัน และระดมยิงอาวุธหนักใส่กันยาวมาถึงช่วงเช้าวันนี้ การปะทะก็ยังไม่ยุติ แต่กลับเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในการแย่งชิงพื้นที่ฐานบ้านอูเกรทะ
และเมื่อเวลา 08.40 น. เช้าวันนี้ เครื่องบินรบทหารเมียนมาบินเข้าไปยิงจรวดหลายสิบลูกถล่มเข้าไปในบังเกอร์หลบภัยของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้กับฐานอูเกรทะ
ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากสงครามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา คือผู้หนีภัยจากการสู้รบ หลังมีการโจมตีทางอากาศทั้งวันทั้งคืน และโจมตีทางอากาศโดยใช้ลูกระเบิดร้ายแรงแบบคลัสเตอร์บอมบ์ ทำให้ราษฎรกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นหมู่บ้านตั้งอยู่แนวตะเข็บชายแดน อยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้านมอเกอร์ไทย ชาวกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงและคนชราต้องหอบกระเป๋าสัมภาระเท่าที่จำเป็นหนีข้ามลำห้วยวาเล่ย์ ซึ่งเป็นลำห้วยที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา และกว้างเพียง 10 เมตร หลังหมู่บ้านดังกล่าวมีลูกระเบิดปืน ค.120 มม. หลายลูกไปตกกลางหมู่บ้าน จนชาวบ้านต้องหนีตายข้ามชายแดนแบบโกลาหล เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระ จังหวัดตาก รับตัวผู้หนีภัยการสู้รบมาพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้มียอดผู้หนีภัยรวม 307 คน ขณะนี้ยอดผู้หนีภัยยังไม่นิ่ง คาดจะหนีเข้ามาเพิ่มเติมอีก
ตลอด 4 วันที่ผ่านมา มีกระสุนปืนและลูกระเบิดลอยข้ามมาตกในเขตฝั่งไทยหลายลูก จนทหารไทยต้องยิงกระสุนควันเตือนข้ามไปหลายครั้ง สถานการณ์ชายแดนยังคงตึงเครียด และต้องจับตาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด. – สำนักข่าวไทย