นนทบุรี 18 พ.ค.-ไทยเตรียมความพร้อมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค 2022 (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting 2022) ตั้งแต่วันที่ 19-22 พ.ค.นี้ 4 วันรวด ตั้งเป้าฟื้นเศรษฐกิจโลกหลังโควิด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค 2022 (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting 2022) ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม 2 ส่วน คือ 1. การประชุมสุดยอดผู้นำ หรือ เอเปค ซัมมิท เป็นระดับนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้หรือปลายปีนี้ 2. การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าของเอเปค ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยจะเป็นประธานในการประชุมคือตน โดยมีเขตเศรษฐกิจการค้าที่จะเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 21 เขตเศรษฐกิจ และจะมีการเริ่มประชุมตั้งแต่วันที่ 19-22 พฤษภาคม 2565 ต่อเนื่องกัน 4 วัน จะมีทั้งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้า ภาคเอกชน และระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนเอเปคจากกรอบความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจการค้าของกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค 21 ประเทศ และมีเป้าหมายขับเคลื่อนให้เอเปคพัฒนาไปเป็น FTA ต่อไปในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้สำเร็จในปี 2040 ซึ่งถ้าทำสำเร็จ FTA-APEC จะกลายเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการค้ารวมกันสูงที่สุดในโลกต่อไป คือเป้าหมายที่ประเทศไทยตอนที่เราเป็นเจ้าภาพและเป็นประธานในที่ประชุมมีความประสงค์จะขับเคลื่อนเรื่องนี้ นอกจากนั้นจะมีการขับเคลื่อนการใช้โมเดลทางเศรษฐกิจที่ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติของประเทศไทย คือ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ในการขับเคลื่อน SMEs โดยเฉพาะ Micro SMEsให้กลายเป็นฐานรากสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยและกลุ่มประเทศเอเปคต่อไปอย่างยั่งยืน เพราะเป็นโมเดลที่จะทำให้ภาคการผลิต ตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก Micro SMEs เดินหน้าไปสู่การผลิตทั้งสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นไปตามการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วย สมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไนดารุสซาลาม แคนาดา ชิลี จีน จีนฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ถ้ามีการจัดตั้งเป็น FTA-APEC จะมีประชากรทั้งหมด 2,900 ล้านคน (เป็น 38% ของประชากรโลก) GDP รวม 52 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,768 ล้านล้านบาท (62% ของ GDP โลก) หากทำได้สำเร็จในปี 2040 อย่างน้อยมูลค่าการค้าระหว่างกลุ่มประเทศเอเปคจะเพิ่มขึ้น 200-400% โดยประมาณ โดยประเทศจีนก็เข้าร่วม และเป็นประเทศเดียวที่เข้าร่วมผ่านระบบซูม เนื่องจากเคร่งครัดเรื่องโควิด แต่ประเทศที่เหลือเดินทางมาประชุมด้วยตนเองทุกประเทศทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย