ปักกิ่ง 16 พ.ค.- ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนเมษายนปีนี้ลดลงมากที่สุดในรอบ 2 ปี อันเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้เป็นศูนย์
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนเมษายน 2565 ว่า หดตัวร้อยละ 11.1 จากเดือนเมษายน 2564 เป็นการลดลงมากที่สุดนับจากเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนยังคงถูกล็อกดาวน์อยู่แต่ในบ้าน หรือต้องอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดเข้มงวด โฆษกสำนักงานกล่าวว่า โควิดระบาดมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนเมษายน และเป็นการระบาดที่มีผลกระทบมากกว่าที่คาดไว้มาก อย่างไรก็ดี ผลกระทบจะเป็นเรื่องระยะสั้น และเศรษฐกิจจีนกำลังทยอยฟื้นตัวอยู่
ส่วนการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2565 หดตัวร้อยละ 2.9 จากเดือนเมษายน 2564 ถือเป็นตัวเลขต่ำที่สุดนับจากต้นปี 2563 และลดลงจากเดือนมีนาคม 2565 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.0 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเสียหายอันเกิดจากการปิดโรงงานและการขนส่งอย่างเข้มงวดในเดือนเมษายน ขณะที่อัตราว่างงานทะยานขึ้นแตะระดับที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ต้นปี 2563 เฉพาะอัตราว่างงานในเขตเมืองสูงถึงร้อยละ 6.1
นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนของออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจชี้ว่า มาตรการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ที่ยืดเยื้อและความล่าช้าด้านโลจิติกส์อันเกิดจากมาตรการควบคุมการสัญจรทางหลวงได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อห่วงโซ่อุปทานที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการขนส่งสินค้าในประเทศ การบริโภคภาคครัวเรือนเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงเป็นพิเศษ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะสะดุดไปจนถึงเดือนมิถุนายน ส่วนการฟื้นตัวน่าจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์.-สำนักข่าวไทย