กรุงเทพฯ 3 พ.ค.- นักวิชาการศาสนา ชี้แม้ “อดีตพระกาโตะ” สึกแล้ว ยังต้องสอบเส้นทางทรัพย์สิน ขณะที่พระชั้นผู้ใหญ่ต้องร่วมรับผิดชอบ อาจผิด ม.157 ปมตั้งอดีตพระกาโตะเป็นรักษาการเจ้าอาวาส
นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ให้ความเห็นว่า กรณี “อดีตพระกาโตะ” แม้จะลาสิกขาไปแล้ว ก็อาจจะจบในทางพระธรรมวินัย แต่ในทางกฎหมายยังต้องรับผิดชอบต่อคณะสงฆ์และประชาชน โดยคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติในจังหวัดนครศรีธรรมราชและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจะส่งนิติกรลงมาตรวจสอบ อย่างน้อยก็ควรทำความจริงให้กระจ่าง โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่มีการจ่ายเงินให้ฝ่ายหญิง
นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ยังตั้งข้อสังเกตถึงการที่พระชั้นผู้ใหญ่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีการแต่งตั้งให้อดีตพระกาโตะ เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดูแลและบริหารวัดแทนถูกต้องหรือไม่ การปล่อยให้อดีตพระกาโตะทำงานแทนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พระตามลำดับชั้นพระปกครองทุกระดับต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ ซึ่งก็พบว่ามีขบวนการบางอย่างที่มาแก้ต่างให้กัน เพราะหากมีการดำเนินคดีมาตรา 157 ก็อาจไม่โดนแค่อดีตพระกาโตะเพียงคนเดียว ต้องดูว่าใครที่เป็นผู้กำกับดูแล ที่ผ่านมาพระตามลำดับชั้นปกครองอยู่มากี่ปีรู้เรื่องหรือไม่ คนที่ละเลย ละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็อาจจะโดนด้วย
นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบที่มาทรัพย์สินของอดีตพระกาโตะ ซึ่งจะต้องชี้แจงให้ได้ ในตอนนี้จะพูดถึงพระธรรมวินัยน้อยลง เพราะกาโตะลาสิกขาไปแล้ว แต่เรื่องทางกฎหมายจะละเว้นไม่ได้ ไม่ได้บอกว่าใครถูก ใครผิด แต่การปล่อยปละละเลยจนมีเหตุเกิดขึ้น จนพระไปมีความสัมพันธ์กับสีกา มีการโอนเงินให้กัน พระตามลำดับชั้นปกครองจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์ มีหน้าที่ดูแลพระที่ตัวเองบวชให้ หากไม่สามารถดูแลผู้ที่บวชให้ได้ จะแก้ปัญหาอย่างไร.-สำนักข่าวไทย