วาติกัน 13 มี.ค.- เลขาธิการรัฐวาติกันแสดงความกังวลต่อการที่รัสเซียรุกรานยูเครนว่า เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าโลกกำลังก้าวถอยหลังเข้าสู่อดีต แทนที่จะกล้าเดินหน้าเพื่ออนาคตที่แตกต่างไปจากเดิม
พระอัครสังฆราชปิเอโตร ปาโรลีน เลขาธิการรัฐวาติกัน ผู้ได้รับการเคารพอย่างกว้างขวางมากเป็นอันดับสองรองจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสต์จักรโรมันคาทอลิกเรียกร้องให้รัสเซียเจรจากับยูเครน โดยระบุว่าผู้นำที่ทำสงครามคือผู้ที่เชื่อแต่ตรรกะเลวร้ายเรื่องการใช้อาวุธ และลืมสิ้นถึงความเป็นมนุษย์ พร้อมกับย้ำเรื่องสำนักวาติกันอาสาเป็นเจ้าภาพการเจรจา เพื่อก้าวไปสู่อนาคตของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พระอัครสังฆราชปาโรลีนเปรียบสงครามว่าเหมือนมะเร็งร้ายที่เติบโต ลุกลาม และกัดกินตัวเอง เป็นการเสี่ยงภัยที่ไม่มีทางหวนกลับดังที่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เคยตรัสไว้ ทุกคนต้องตระหนักว่า ได้ตกไปอยู่ในระแสน้ำวนที่คาดการณ์ไม่ได้และส่งผลเลวร้ายกับทุกคนแล้ว แต่ขอบอกว่ายังไม่สายเกินไปที่จะสร้างสันติภาพ และถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
เลขาธิการรัฐวาติกันกล่าวเรื่องนี้ในขณะที่เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) รายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนอ้างว่า มีทหารยูเครนพลีชีพแล้ว 1,300 นายนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกราน เจ้าหน้าที่ยูเครนเผยว่า มีการอพยพประชาชนตามเมืองต่าง ๆ มากกว่า 13,000 คนผ่านเส้นทางมนุษยธรรมเมื่อวันเสาร์ แต่ชาวเมืองมารีอูปอล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไม่สามารถออกมาได้แม้แต่คนเดียว เพราะถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อมท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น ไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยมีอาหารและน้ำเหลืออย่างจำกัด ยูเครนอ้างด้วยว่า กองกำลังรัสเซียยิงใส่ขบวนรถเด็กและสตรีที่กำลังอพยพออกจากหมู่บ้านใกล้กรุงเคียฟ ทำให้มีคนเสียชีวิต 7 คน.-สำนักข่าวไทย