ดีเอสไอ 3 ก.พ.- ดีเอสไอเปิดคดีรถหรูใหม่อีก 854 คัน จากรถหรูทั้งหมด 1,428 คัน มูลค่าความเสียหาย 2,600 ล้านบาท ดึงอัยการร่วมสอบสวน คาดแจ้งข้อกล่าวหาได้สิ้น มี.ค.
นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการนำรถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อหลีกเลี่ยงอากร หรือคดีรถหรูว่า มีรถหรูในคดีค้างอยู่ 1,428 คัน แบ่งดำเนินการเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบเดิมของกองปฏิบัติการพิเศษคดีภาค จำนวน 574 คัน และได้ตั้งทีมขึ้นมาอีกทีมหนึ่งเรียกว่าทีมขับเคลื่อนคดีรถหรู ซึ่งดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษไปแล้ว 254 คัน ที่เหลืออีก 320 คัน กำลังเสนอเป็นคดีพิเศษ
อีกส่วนหนึ่ง ที่กำลังดำเนินการในวันนี้เป็นต้นไป คือ การอนุมัติแยกเลขคดีพิเศษจำนวน 114 เลข เพื่อเตรียมเปิดคดี 114 คดี ดำเนินคดีกับผู้นำเข้ารถยนต์ 114 ราย มีรถยนต์ในคดี จำนวน 854 คัน โดยมี พ.ต.ท.พะเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีทั้งหมด จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ 31 มีนาคมนี้
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวด้วยว่า วันนี้มีการประชุมเปิดคดี 114 คดีร่วมกับอัยการ ซึ่งได้ประชุมหารือถึงแนวทางและประเด็นการสอบสวน ขั้นตอนและวิธีการสอบสวน โดยหลังจากนี้จะเร่งรัดให้ชุดปฏิบัติการทั้ง 10 ชุด เร่งรัดดำเนินการตามมติที่ประชุมวันนี้ ซึ่งได้เอกสารรถหรูทุกคัน จากกรมศุลกากรและกรมขนส่งทางบกมาทั้งหมดแล้ว โดยความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี 1,428 คัน รวมมูลค่าเสียหาย 9,800 ล้านบาท แต่หากแยกเฉพาะ 854 คัน ที่กำลังเปิดคดีใหม่ มูลค่าความเสียหลายรวม 2,600 ล้านบาท
พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ผู้นำเข้ารถยนต์ใน 114 ราย ในจำนวนนี้เป็นนิติบุคคล 113 นิติบุคคล เป็นบุคคลธรรมดา 1 ราย โดยมีรายใหญ่หลายรายที่นำเข้ารถยนต์ในจำนวน 50 คัน ถึง 100 คัน รวมอยู่ด้วย เป็นลักษณะของการสำแดงราคาเท็จต่อศุลกากร เพื่อให้ศุลกากรเอาราคาเท็จไปประเมินภาษี
ด้านนายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 2 กล่าวว่าอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้อัยการ 3 คนมาร่วมทำคดี แต่จะขออนุญาตตั้งอัยการเพิ่ม เพราะมีพยานหลักฐานจำนวนมาก คาดว่าพยานหลักฐานที่รวบรวมมา จะสามารถดำเนินคดีได้.-สำนักข่าวไทย